9 ส.ค.2562 นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ โพสต์เฟซบุ๊คว่า “...ขอคิดดังๆ ซักนิด”
...ข่าวผลไม้ไทยราคาตกต่ำ มีให้ได้ยินเกือบทุกปีก็ว่าได้
...ผลไม้ออกตามฤดูกาล ออกพร้อมกันทีละมากๆ เก็บไว้นานก็เน่าเสียหมด ชาวสวนไม่มีทางเลือก ราคา
เท่าไหร่ก็ต้องขาย
...ทางออกน่าจะเป็นการหาช่องทางระบายผลไม้เพื่อจัดจำหน่ายทั่วประเทศให้ได้จำนวนมากและรวดเร็ว เพราะรอนานไม่ได้ ผลไม้เน่า เสียหายหมด
...ขายออนไลน์ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง (สมัยนี้ถ้าไม่พูดถึงขายออนไลน์จะดูเชย) เป็นการขายตรง ชาวสวนได้ราคาดี แต่อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาผลไม้ล้นตลาด จำนวนจัดจำหน่ายไม่มากพอ
ข้อเสนอของผม
...ให้ไปรษณีย์ไทยช่วยดำเนินการ ใช้รถแช่เย็นถ้าจำเป็น ส่งตรงไปไปรษณีย์ไทยสาขาทั่วประเทศ และวางขายหน้าสำนักงาน เชื่อสามารถกระจายผลไม้ได้เร็วและถึงมือผู้บริโภคตรงสุด ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าหน่อย พรึ่บเดียวหมด
...ไปรษณีย์ไทยควรทำข้อเสนอถึงกระทรวงพาณิชย์ ขอเป็นข้อตกลงแบบ open end contract ตลอดปี ใช้ได้กับผลไม้ทุกฤดูที่ผลิตจากทุกภาคเพื่อจัดส่งไปสาขาไปรษณีย์ทั่วประเทศ
...กระทรวงพาณิชย์ไม่ควรรอให้ถึงฤดูผลผลิตออกแล้วค่อยคิดแก้ วางระบบการขนส่งผลไม้ผ่านไปรษณีย์ไห้เรียบร้อย ถึงเวลากดปุ่มได้ทันที ชาวสวนแฮปปี้ คนไทยทั่วประเทศมีผลไม้จากทุกภาคทานในราคาเป็นธรรม”
อาจเพราะประโยคที่ว่า “กระทรวงพาณิชย์ไม่ควรรอให้ถึงฤดูผลผลิตออกแล้วค่อยคิดแก้” นี่กระมัง ที่ทำให้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ว่าที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นายจุรินทร์ ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผลไม้ไว้นานแล้ว และได้เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างภาครัฐและเอกชน 44 หน่วยงาน ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.2562 ก่อนที่นายกอร์ปศักดิ์แสดงความเห็นหลายวัน ซึ่งมาตรการนั้นครอบคลุมสิ่งที่เสนออยู่แล้ว และไปไกลกว่านั้นมาก คือ
1.พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้ส่งกล่องขนาดต่างๆ ให้กับเกษตรกรเพื่อบรรจุผลไม้ไว้จำหน่าย และสนับสนุนค่าขนส่งตั้งแต่แหล่งผลิตและจุดรวบรวม ไปยังจุดจำหน่าย
2.จัดหาช่องทางจำหน่ายให้กับเกษตรกร ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ตลาดต้องชม สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมโรงแรมไทย สถานบริการน้ำมัน เช่น ปตท. ที่รับซื้อผลไม้เพื่อนำไปวางจำหน่ายใน 1,800 สาขา บางจาก และพีที ที่รับซื้อผลไม้จากกลุ่มสหกรณ์เพื่อไปวางจำหน่ายในกว่า 1,750 สาขา เป็นต้น
3.ช่วยเหลือด้านน้ำหนักสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินที่ต้องการขนผลไม้ โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม โดยสายการบินไทยสมายล์ นกแอร์ แอร์เอเชีย และบางกอกแอร์เวย์ส ขณะที่ท่าอากาศยาน 28 แห่งทั่วประเทศ จะสนับสนุนกล่องที่จะบรรจุผลไม้ 4.ผลักดันการส่งออก โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการล้งไทยที่ต้องการส่งผลไม้ไปต่างประเทศ ถ้ากู้เงินจากสถาบันการเงิน จะช่วยเหลือด้านภาระดอกเบี้ยอัตรา 3%
5.จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อจำหน่ายผลไม้ โดยมีเป้าหมายขยายตลาดใหม่ไปอินเดียและตะวันออกกลาง ภายหลังที่ประสบความสำเร็จจากการซื้อขายร่วมกับจีน
และ 6.เร่งการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะทุเรียนเพื่อป้องกันกลิ่นให้สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ และเพื่อถนอมอาหาร ลดความสูญเสีย ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการจัดการผลไม้ อีกทั้งจัดทำมาตรฐานการจัดการของศูนย์คัดแยกคุณภาพ เช่น มาตรฐานคุณภาพ การคัดแยกคุณภาพ การบรรจุภัณฑ์ และการตรวจสอบสารพิษตกค้าง เป็นต้น โดยมีระบบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและผู้ค้าที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตคุณภาพและศึกษาช่องทางการตลาด พฤติกรรมการบริโภค และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในต่างประเทศ
นอกจากเอ็มโอยู 6 ข้อแล้ว ยังได้ส่งเสริมการขายมังคุดภาคใต้ผ่านตลาดออนไลน์ ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ไทยจะเป็นผู้จัดส่งแบบ Door to Door โดยไม่คิดค่าบริการจัดส่ง ส่วนด้านการส่งเสริมการบริโภค ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน วางแผนให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้ภาคใต้ และกิจกรรมรณรงค์บริโภคสินค้า ณ หัวเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี สงขลา รวมถึงการนำผลไม้ไทยไปโรดโชว์ยังต่างประเทศ
มาตรการดังกล่าวเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อบริหารด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ ที่จะออกผลผลิตในช่วงปลายปี 2562 เพื่อกระจายผลผลิต 20,000 ตัน จากแหล่งผลิตไปจำหน่ายช่องทางต่างๆ มั่นใจว่าจะสามารถจัดการและดูแลราคาผลไม้ให้มีเสถียรภาพขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้แน่นอน
งานนี้ สื่อสนุกกับการจับสองคนมา “ชน” กัน ทั้งๆ ที่ทั้งสองคน ได้เสนอ “ข้อมูล+ความเห็น” ที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
กอร์ปศักดิ์ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะต้องถูกจัดวางให้เป็น “คนละขั้ว” ส่วนสรรเสริญนั้น ไม่ใช่นักตอบโต้ในทางการเมือง แต่วิธีที่ตอบโต้ก็ทำอย่างสุภาพ ระมัดระวัง และเป็น “ข้อเท็จจริงล้วนๆ” ไม่มีสำนวนใดๆ ที่จะสร้างผลกระทบต่อตัวบุคคลเลย แต่สื่อก็อดไม่ได้ที่จะพาด
หัวข่าวให้หวือหวาเข้าไว้
ใครต้องเห็นอะไรจากกรณีนี้บ้าง
1) ในยุคข้าวยากหมากแพง หากินฝืดเคือง ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ กระทรวงพาณิชย์เป็น “ความหวัง” ของผู้คน ทั้งประชาชนตาดำๆ และผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์การทำงาน
2) กระทรวงพาณิชย์จึงต้องเจอกับ “แรงเสียดทาน” อย่างมหาศาล ที่รับเอา “งานหนัก-งานใหญ่” ไว้ในมือ ทั้งต้องอดทนต่อเสียงบ่นและคำวิจารณ์ ทั้งจากผู้รู้และผู้ไม่รู้แต่เก่งกาจทั้งหลาย
3) ประชาธิปัตย์รู้ไหมว่าต้องเจอกับสภาวการณ์แบบนี้ ผมเชื่อว่าเขาต้องประเมินแล้ว และนี่เป็น “ความเสี่ยง” ที่เขายอมรับ จึงต่อรองขอกระทรวงพาณิชย์คู่กับกระทรวงเกษตรฯเพื่อ “พิสูจน์ฝีมือ” และ “สร้างผลงาน” ให้เป็นที่ประจักษ์ แลกกับการถูกตั้งคำถามว่า “ไหนหาเสียงว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไง”
4) งานหนักของประชาธิปัตย์จึงอยู่ที่ทำอย่างไรให้คน “เห็น” สิ่งที่ตนเอง “ทำอยู่” เพราะการตัดสินใจร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นั้น อยู่บนเหตุผลว่า “มาทำงาน แก้ไขปัญหาให้ประชาชนดีกว่าไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งทำได้แค่ตรวจสอบอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เอาความรู้ความสามารถมาช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยตรง” โดยเฉพาะพื้นที่หลักของพรรคประชาธิปัตย์คือ “ภาคใต้” ที่กำลังถูกเจาะอย่างหนักทางการเมือง และพื้นที่อีสานที่ “ตั้งใจจะเข้าไปมีผู้แทนให้มากขึ้น” งานที่ดีที่สุดคือ เกษตรกับพาณิชย์ ที่ประชาชน “จับต้องได้”
5) สิ่งที่ ดร.สรรเสริญ ชี้แจงออกมานั้น ดีหมด แต่ก็มีคำถามว่า “แล้วใครรู้บ้าง” หลายๆ มาตรการเป็นคุณ
เป็นโอกาส แก่คนหลายภาคส่วน แต่เขา “รู้ไหม”
6) มาตรการที่ดี จึงไม่เพียงต้องการแค่ “มีแล้ว ทำอยู่” หรือการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องการ “การสื่อสาร” ที่ทั่วถึง ตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่อง “ผลไม้” ที่ต้องการทั้งผู้ขาย ผู้สื่อ และคนกลาง หากมีมาตรการ แต่ผู้ที่จะอำนวยให้มาตรการนั้น “ประสบความสำเร็จ” หรือ “ตูมตาม” หรือ “เปรี้ยง” หรือเกิดกระแสเข้าร่วม การประชาสัมพันธ์เชิงรุก ทั่วถึง และถี่ ก็ต้องได้รับการจัดการด้วยเช่นกัน
7) กระทรวงพาณิชย์จึงไม่ได้ต้องการแค่ “รัฐมนตรีที่ดี” ซึ่งได้ไปแล้ว นโยบายที่ดี ซึ่งทยอยออกมาแล้ว ทิศทางที่ดี ซึ่งชัดเจนแล้ว แถมยังได้ “กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี” ที่ดี อย่าง ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ซึ่ง “ครบเครื่อง” ทั้งความรู้ บุคลิกภาพ ความซื่อสัตย์สุจริต และความสามารถในการสื่อสาร รัฐมนตรีต้องรีบ “ปลดล็อก” ข้อกฎหมายที่จะทำให้กรรมการผู้ช่วยที่ “ถึงพร้อม” ท่านนี้ ได้ช่วยงานอย่างเต็มประสิทธิภาพทันที ที่มีการแต่งตั้งกันอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร การให้สัมภาษณ์ การแถลงประเด็นสำคัญๆ ต่างๆ โดยไม่ต้องวิ่งหา “โฆษก” ประจำกระทรวงเลยด้วยซ้ำ เพราะความสามารถของ ดร.สรรเสริญนั้น “เกิน” จุดนั้นไปแล้ว
ในยุคนี้ การสื่อสาร “สำคัญมากๆ” งานของกระทรวงพาณิชย์ไม่ใช่งานที่ทำคนเดียวแล้วจะสำเร็จ แต่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ฝ่ายอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งในสภาพที่ไม่รู้ว่า “รัฐนาวาลุงตู่” จะแล่นออกจะได้พ้นปากอ่าวหรือไม่ ยิ่งต้อง “สื่อสาร” ในทุกงานที่ทำให้มีประสิทธิภาพ
อย่ามองข้ามการสื่อสารที่ดี ที่จะทำให้คน “เห็น ดู รู้ จำ ร่วมมือ และชื่นชม”
มี “ยอดมนุษย์” อยู่ข้างกายแล้ว ใช้ให้ “เปล่งประกาย” สูงสุดเถอะครับ ตัวรัฐมนตรีเองก็ไม่ใช่ “ดาวเคราะห์” หากแต่เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง เพียงแต่ “ใคร” จะช่วยกระจายแสงนั้นให้ “เข้าตา” ผู้คน นี่คือการบ้านชิ้นสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในกระทรวงที่หมายจะใช้ “กอบกู้พรรคประชาธิปัตย์” ให้กลับมาอยู่ใน “การเลือก” ของประชาชนอีกหน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี