หนังสือพิมพ์แนวหน้า “อุดมการณ์ มั่นคง ตรงไปตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอเริ่มต้นเมื่อได้ยินแต่เสียงโอดโอยถึงภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนร้านตลาด ต้องบอกกันตรงๆ ว่าต้องทำใจ แทนที่จะมานั่งบ่นรอคอยวาสนา รอพระเอก หรือ นางชีนารีขี่ม้าขาว มาช่วยนำพาประเทศ หรือจะกระทำย่ำยีเกษตรกรอีกครั้งจนเศรษฐกิจประเทศหายนะจากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 7-8 แสนล้านบาท หวังให้เทวดาช่วยให้ถูกหวยรวยเบอร์ ก็ยิ่งจะทำให้ชีวิตทุกข์ยากเข้าไปอีก เอาเป็นว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยตัวเองก่อนเป็นดีสุด ลดค่าใช้จ่าย และสร้างรายได้เพิ่ม พูดง่ายแต่หลายคนบอกว่าทำยาก ก็ต้องลองทำดูก่อน...
nn ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยืนยันว่าไม่ขอพูดถึง หรือชี้แจงประเด็นร้อน “การถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบ” ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีทีมกฎหมายดูแลอยู่ อีกทั้งเรื่องนี้ต้องรอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาว่าจะส่งให้ “ศาลปกครอง” หรือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย จึงไม่อยากจะแสดงความเห็นใดกับกรณีนี้ แต่ผลกระทบที่ตามมา เห็นชัดเจนก็คือ รัฐบาลลุงตู่ ยังไม่กล้าผลีผลามบริหารราชการแผ่นดินเท่าที่ควร สังเกตได้จากมติคณะรัฐมนตรีต่างๆ ยังไม่มีเรื่องใดสลับซับซ้อนหรือผูกพัน เพราะหากบิ๊กตู่ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาภายหลังได้...
nn กระนั้นยังมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขนำพาสังคมไทยพ้นหายนะทางเศรษฐกิจ “แก้ไขปัญหาการครองชีพเฉพาะหน้า” ให้ชาวประชาไม่ต้อง “ฆ่าตัวตาย” โดย “ครม.เศรษฐกิจ” ประชุมนัดแรกก็พิจารณาออกมาตรการลดแลกแจกแถมออกมาให้ได้เห็นกันบ้าง โดยเฉพาะการต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เติมเงินให้กับคนจนเพิ่มขึ้น ฯลฯ และมาตรการแจก 1,500 บาท เพื่อให้ประชาชนนำไปเที่ยวเมืองรอง งานนี้ขุนคลัง ดร.อุตตม สาวนายน หมายมั่นว่า เม็ดเงินจะสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนได้ แต่ยัง ไม่ทันจะวางมาตรการเพื่อดำเนินการใดๆ ตามมติครม.เศรษฐกิจ ก็มีเสียงสัมภเวสีท้วงติงว่า เป็นนโยบายล้างผลาญ!!! เพราะเงินที่แจก 1,500 บาท เป็นภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เงินของขุนคลัง ซ้ำยังปรามาสว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ...
nn บิ๊กตู่มักพูดอยู่เสมอว่า นโยบายที่ผ่านมาของรัฐบาลไม่ใช่ประชานิยม แต่มาถึงวินาทีนี้ไล่บี้ดูเหลี่ยมไหนมันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ที่อยู่ๆ รัฐบาลก็ประเคนเงินให้ฟรีๆ ทุกเดือน เขาไม่เรียกว่า “ประชานิยม” แต่เรียกใหม่สวยหรู “โครงการประชารัฐ” ตัวหนังสือจะสะกดแบบไหน ความมุ่งหมายและผลของการดำเนินการมันก็ไม่แตกต่างกันเท่าใดเลย...
nn เมื่อสองวันที่ผ่านมามีการสัมมนาเชิงวิชาการ มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่านบอกว่า บัตรสวัสดิการคนจนเป็นการลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้สังคมไทยเกิดความแบ่งแยก คนรวยกับคนจนไม่สามารถไปโรงเรียนใช้โรงพยาบาล บริการต่างๆ แบบเดียวกันได้ เพราะถูกผูกโดยฐานะทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรดำเนินการใหม่ให้เกิดสวัสดิการถ้วนหน้าให้ประชาชน แต่ในยุค “ระบอบทักษิณ” เรืองอำนาจนักวิชาการกลับไม่พูดไม่พิจารณาถึงกรณีบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นโครงการทำให้รัฐปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุด เพราะต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลถมไม่เต็ม แบ่งแยกชนชั้น สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยอย่างมากมาย แต่เพราะผู้มีรายได้น้อยได้ผลประโยชน์โดยตรงไม่ต่างไปจากบัตรสวัสดิการคนจน ที่เพียงแค่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงให้ได้เท่านั้นและสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แทนการช่วยเหลือให้เพียงเพื่อได้คะแนนนิยมเท่านั้น...
nn ผลพวงจาก 30 บาทรักษาทุกโรคทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองนั้นได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน ใครจะว่า “ทักษิณ ชินวัตร” โกงบ้านกินเมือง ก็ยังเชื่อมั่นยังศรัทธา ทั้งที่เงินที่นำไปถมโครงการก็ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ “โจรหน้าเหลี่ยมทักษิณ ชินวัตร หรือเงินบริจาคของสส.และลิ่วล้อหรือติ่งตระกูล “ชินวัตร” แม้แต่น้อยนิด หากแต่เป็นเงินภาษีของประชาชนเหมือนอย่างที่สัมภเวสีโอดครวญว่าเอาเงินงบประมาณไปถลุงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำซะอย่างนั้น นี่แหละ “สัมภเวสีเมืองไทย”โอดครวญแค่ครึ่งหนึ่งที่ตนได้เปรียบ แต่หายนะที่เคยก่ออีกซีกกลับไม่พูดถึง...
nn ต้องนับถือหัวใจ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจทางสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล พีซทีวี เวทีทัศน์ ในหัวข้อ “วิบากกรรม นปช.ยังไม่สิ้น” ว่า แม้ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง คดีก่อการร้าย นปช. ยังมีอีก 2 ศาล...
nn “ไม้หน้าสาม”ขอเตือนพวกหน้าขาวอย่าง “นักร้องอมฮอลล์” “กี้ร์-อริสมันต์” อย่าง “เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” พึงสังวร เตรียมตัวเตรียมใจฟัง “ศาลฎีกา” ชี้ชะตากรรม 11 กันยายนนี้ คดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิตปี 2552 ซึ่งศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ มีพิพากษาจำคุก 4 ปีไปแล้ว ส่วนคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ ป๋าเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ผู้มีคุโณปการอย่างมากมายต่อชาติบ้านเมืองถึง 2 แผ่นดิน ศาลฎีกานัดตัดสิน 23 กันยายนนี้ โดยศาลชั้นต้นจำคุก 4 ปี 4 เดือน และอุทธรณ์แก้จำคุก 2 ปี 8 เดือน ขณะที่นายหญิงไบโพลาร์-นายใหญ่โจรหน้าเหลี่ยมยังใช้ชีวิตเสพสุขหรูหราอยู่ต่างแดน ปล่อยไพร่กับลิ่วล้อติดคุกติดตะราง คิดไม่ได้...ก็ช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุก 42 ปี จะเป็นการยอมเจ็บยอมตายแทนใครหรือไม่ “ไม้หน้าสาม”ไร้ปัญญาที่จะเข้าไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมไทยที่ศักดิ์สิทธิ์ทรงประสิทธิภาพและเป็นที่พึ่งที่ยึดมั่นให้แก่สังคมไทยได้ตลอด แต่ถ้าอดีตรัฐมนตรียังยอมเจ็บยอมทนเพื่อให้เจ๊ใหญ่และนายหญิงอยู่รอดก็ต้องบอกว่าตัวใครตัวมันนะโยมเสียดายคุณภาพความรู้ความสามารถ แต่สมองมีแค่นี้คิดได้แค่นี้ปกป้องโจรก็รับกรรมไปตามเวรที่ก่อแล้วกัน...
nn ส่งท้ายวิงวอนของคนไทยเลิกชุ่ยทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ชีวิตที่งดงามได้จากเราไปแล้ว “น้องพะยูนมาเรียม” หลังจากจนท.กรมอุทยานแห่งชาติฯ อนุบาลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นพบเศษพลาสติกเล็กๆ หลายชิ้นขวางลำไส้จนมีอาการอุดตันบางส่วนและอักเสบ ทำให้มีแก๊สสะสมเต็มทางเดินอาหาร ติดเชื้อในกระแสเลือด แม้เบื้องต้นจนท.จะลดการติดเชื้อในระบบหายใจลงได้ แต่ขยะพลาสติกจากอีลูกช่างชุ่ย ไม่สามารถเยียวยามาเรียมได้ เศร้าจับใจจริงครับ...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี