ตอนเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้พรรคพลังประชารัฐ ที่รวม “นักการเมืองสารพัดเผ่าพันธุ์” มาเป็นฐาน หนุนตัวเองสู่การเป็นนายกรัฐมนตรี มาบัดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแบกรับ “พฤติกรรม” และ “ปูมหลัง” ของคนเหล่านั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะหัวหน้าคณะ และในฐานะ “คนดี” ที่เคยเรียกร้องคุณสมบัติที่ดีสารพัดจากนักการเมือง แต่ถึงเวลาจริงๆ ตัวเองก็ใช้ประโยชน์จากนักการเมืองในแบบที่ตัวเองเคยวิจารณ์และ “ด้อยค่า” เขาไว้ จึงไม่แปลกหรอก ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกตั้งคำถามเรื่อง “คุณสมบัติ” ของคนร่วมคณะ เช่น...
ก) สุริยะ / สมศักดิ์ / ธรรมนัส : มีความสามารถ มีคุณสมบัติ มีปูมหลังที่เหมาะควรแก่การเป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลคนดีแล้วใช่ไหม?
ข) วิรัช รัตนเศรษฐ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ทุจริตสนามฟุตซอล พร้อมเมียและน้องเมีย (ซึ่งเป็น สส.ทั้งหมด) ยังไม่พักตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลแกอีกเหรอ?
ค) อายไหม ที่ลูกหาบในทีมวิปรัฐบาล มายืนถือวิทยุทรานซิสเตอร์แถลงข่าว ว่านอกห้องประชุมสภามีมุมอับ ไม่ได้ยินเสียงออดเรียกลงมติ หรือไม่ทราบความคืบหน้าของการประชุมว่าไปถึงไหนแล้ว แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยการกลับเข้าห้องประชุมสภา หรือใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในโทรศัพท์จัดการกับการไม่เข้าห้องประชุมของ สส.ฝ่ายรัฐบาล นั่นคือความมีสติปัญญาและสำนึกในการเป็น สส. ที่น่าภูมิใจ?
ง) สิระ เจนจาคะ ไป “พูดเสียงดัง” ที่ภูเก็ต แล้วคนถามว่า ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ คิดอย่างไรกับ “มารยาท” ของคนคนนี้
ถึงเวลา “บิ๊กตู่” ต้องย้อนกลับมา “หาบคอน” เพื่อ “ชดใช้” ให้คนเหล่านี้ ที่ยกมือโหวตให้ท่านเป็นนายกฯ ในปัจจุบัน
ขอขยายความเรื่อง “วิทยุทรานซิสเตอร์” สักหนึ่งเรื่อง ว่าสะท้อนปัญหาอะไรบ้าง อย่างไร ดังต่อไปนี้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ สส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ สส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า วิปรัฐบาลได้จัดซื้อวิทยุทรานซิสเตอร์ จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 500 บาท เพื่อเปิดวิทยุรัฐสภา และนำมาติดตั้งในจุดที่เสียงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเข้าไปไม่ถึง เช่น โรงอาหาร บริเวณหน้าห้องสุขา และห้องสูบบุหรี่ เพื่อแก้ปัญหากรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลับเข้าไปลงคะแนนในห้องประชุมไม่ทัน ทำให้เกิดเป็นปัญหาในการโหวตร่างข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ได้แจ้งกับประธานสภาผู้แทนราษฎรรับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา และคิดว่าถ้ารอไปอีกจะไม่ทันต่อการโหวต จึงจัดซื้อด้วยเงินส่วนตัวมาแก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวก่อน พร้อมยืนยันว่า การโหวตในสัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลไม่ได้แพ้ฝ่ายค้าน เพราะเป็นการโหวตของกรรมาธิการกับสมาชิกเท่านั้น
ผมมีคำถามเรื่อง “ปัญญา” กับ “การแก้ปัญหา” ของบุคคลทั้งสี่นี้
• นี่เป็นการกระทำที่ต้องการอะไร?
อ่านจากข่าว เสมือนว่า มุ่งหวังที่จะสะท้อนปัญหาที่ถูกเพิกเฉย ไม่แก้ไข ซึ่งไปมีผลต่อการโหวตของฝ่ายรัฐบาล
• ปัญหาคืออะไร?
มีจุดอับในอาคารรัฐสภา ที่ไม่ได้ยินเสียงการประชุมว่าไปถึงไหนแล้ว ทำให้ สส. ฝ่ายรัฐบาลพลาดการลงมติ
• ผู้เกี่ยวข้องว่ายังไง?
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับว่า สภาฯ มีความบกพร่องเรื่องปัญหาเครื่องกระจายเสียงตามสาย และสัญญาณเรียกประชุมในพื้นที่โดยรอบ หรือนอกห้องประชุมสภาฯ เพราะตามแบบแปลนการก่อสร้าง ไม่ได้มีการกำหนดให้ติดตั้งลำโพงกระจายเสียงตามพื้นที่ต่างๆ นอกห้องประชุม จนเกิดปัญหาที่สมาชิกได้รับผลกระทบ แต่ปัจจุบันการรับมอบงานจากผู้รับเหมาก่อสร้างยังไม่สมบูรณ์แบบจำเป็นต้องใช้ไปเท่าที่มีอยู่ก่อน
เบื้องต้นประธานสภาผู้แทนราษฎรได้สั่งให้นำทีวีจำนวน 50 เครื่อง กระจายติดตั้งตามพื้นที่ต่างๆ แก้ไขปัญหาชั่วคราวแล้ว ส่วนระยะยาวเมื่อได้รับมอบอาคารทั้งหมด ตนจะสั่งการให้มีการติดตั้งลำโพงแบบเดียวกับอาคารรัฐสภาเดิม ส่วนกรณีที่สมาชิกนำวิทยุทรานซิสเตอร์เข้ามาวางตามจุดต่างๆ นั้น พร้อมยอมรับว่า เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าสมาชิกจะมีการประชดประชัน แต่ก็พร้อมยอมรับความผิดพลาด
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า เบื้องต้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำโทรทัศน์ ไปติดตั้งตามห้องต่างๆ เพื่อให้สมาชิก ได้ติดตามการประชุมแล้วกว่า 50 เครื่อง โดยยอมรับว่า เห็นใจ สส. ทุกคน เนื่องจากสถานที่ยังไม่พร้อม แต่เห็นว่า การนำวิทยุทรานซิสเตอร์อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ดังนั้น การมีความรับผิดชอบ จึงเป็นส่วนสำคัญ ประกอบกับ เสียงในสภาชุดนี้ รัฐบาล มีเสียงสูสีกัน ดังนั้น เมื่อมีเหตุไม่จำเป็น ก็ควรอยู่ในห้องประชุม อยู่ในพื้นที่ที่สามารถสื่อสารกันได้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา
• วิเคราะห์และวิจารณ์
1) ทุกคนรู้ใช่ไหมว่า สถานที่แห่งนี้ยังไม่พร้อมที่จะใช้งานเต็มรูปแบบ เพราะสัปปายะสภาสถานแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ 100% ห้องที่ใช้ประชุม สส. เป็นการชั่วคราวนี้ ชื่อห้อง “จันทรา” ซึ่งที่จริงเป็นห้องสำหรับประชุม สว. แต่ประธาน “ชวน หลีกภัย” มาขอใช้ เพื่อ “ลดค่าเช่าห้องประชุมที่ทีโอที” อันเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินที่ต้องจ่ายเป็น “ค่าเช่า”
2) ห้องประชุมและสถานที่จึงไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ 100% ยังมีข้อบกพร่องอยู่มากตามสภาพ-ทุกคนควรรู้ใช่หรือไม่
3) เมื่อมี “วาระการประชุม” การร่วมประชุม อยู่ในห้องประชุม จึงเป็นเรื่องหลัก ถูกไหม?
4) แต่คนก็ต้องขี้ต้องเยี่ยว (อันนี้ เว้ากันซื่อๆ) ต้องกินข้าว ต้องสูบบุหรี่ (ในบางคน) และต้องผ่อนคลายอิริยาบถ ใช่ไหม? ใช่ครับ แต่มันเป็น “เรื่องรอง” ซึ่งในคนที่ “ใส่ใจ” และ “เอาจริงเอาจัง” ต่อการร่วมประชุม-ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงและเป็นธุระที่แท้จริง เขาจะ “จัดลำดับ” ความสำคัญเป็น และ “ให้ความสำคัญ” ถูก ว่าควรจดจ่ออยู่กับอะไร
5) เมื่อจัดลำดับถูก และใส่ใจ ควร (มีความ) รู้ว่า-โลกทุกวันนี้ โทรศัพท์มือถือของแต่ละคน รับสัญญาณวิทยุ-โทรทัศน์ รัฐสภาได้หมด ไม่ต้องเงี่ยหูฟังจากวิทยุทรานซิสเตอร์ก็ได้ ไม่ต้องเกี่ยงงอนว่าระหว่างขี้ เยี่ยว กินข้าว สูบบุหรี่ หรือผ่อนคลายอิริยาบถ ไม่รู้เลยว่าการประชุมไปถึงไหน
6) วิปรัฐบาลมีเป็นฝูง ตั้งกัน 40-50 คน ยังไม่พอที่จะแจ้งเตือนกันหรือไง หรือไม่ทำหน้าที่ หรือทำหน้าที่บกพร่อง นอกเหนือจากสำนึกส่วนบุคคลที่บกพร่อง และไม่รู้ว่า ปัจจุบันตั้งไลน์กลุ่มและแจ้งเตือน ประสานงานกัน ผ่านทางไลน์ได้ด้วย หรือไม่มีตังค์ซื้อแพ็กเกจอินเตอร์เนตกัน?
7) ในความเห็นของผม การมายืนหิ้ววิทยุทรานซิสเตอร์แถลงข่าวกันอย่างหน้าชื่นตาบาน จึงเป็นการ “ประจานตัวเอง” และพรรคพวก ว่าขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างน่าอับอาย ขาดสติปัญญาที่จะแก้ไขปัญหา จุดอ่อน ข้อบกพร่องของสถานที่ และเลือกที่จะ “โยนความผิด” ให้แก่ “ความไม่พร้อมของสถานที่” เป็นสำคัญ
8) ถ้าพวกคุณใส่ใจต่อหน้าที่ในการประชุม ร่วมกันทำให้การประชุมกระชับ เข้าประเด็น ใช้เวลาและพลังงาน (ซึ่งมีค่าใช้จ่าย) อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อให้ส้วมไม่มีที่ฉีดตูด สถานที่ยังไม่มีลำโพง เพื่อบอกให้รู้ว่าการประชุมไปถึงไหนแล้ว ไม่ได้ยินเสียงออดเรียกลงมติ ฯลฯ คุณก็จะไม่โทษ ไม่เกี่ยงงอนกับเรื่องพวกนี้เลย เพราะคุณจะเฝ้าอยู่ในห้องประชุมเป็นหลัก หรือมีระบบการประสานงาน แจ้งเตือนกัน อย่างมีประสิทธิภาพ และทุกคนร่วมมือด้วยดี
9) คุณรู้ไหม ชาวบ้านขาดเครื่องมือทำงานยิ่งกว่าพวกคุณอีก เขาเลือกพวกคุณมา หวังให้ช่วยกันแก้ปัญหา หวังว่าพวกคุณจะมีทั้งสติปัญญาและความใส่ใจ ต่อการใช้ “ที่ประชุม” เป็นที่แก้ไขปัญหา รู้เรื่องนี้ ดูข่าวนี้แล้วก็น่าอิดหนาระอาใจ ยิ่งเห็นชูวิทยุ ยิ้มใส่กล้องอย่างภาคภูมิใจกันแล้ว ยิ่งหมดแรง ปัญหาแค่นี้ ยังมีปัญญาแก้ไขกันแบบนี้ แล้วปัญหาของประชาชนที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ จะฝากความหวังไว้กับพวกคุณได้ไหม?
10) นี่ขนาดยังไม่ได้ตั้งกรรมาธิการต่างๆ นะ ยังไม่มีการประชุมกรรมาธิการซ้อนการประชุมสภานะ ยังขนาดนี้ ต่อไปถ้ามีการประชุมซ้อน และสถานที่ยังไม่พร้อม จะถูกอ้างและถูกโทษอีกเท่าไหร่ ว่าไม่อำนวยความสะดวกให้คนที่อยู่ “นอกห้องประชุมสภา”
มองไปในภาพ เห็นรอยยิ้ม แต่ไม่เห็นความรับผิดชอบและสติปัญญาในระดับที่ฝากความหวังได้-เท่าที่ควร!!
คนเหล่านี้ ท่าทีและสติปัญญาเช่นนี้แหละ ที่เพิ่มน้ำหนักการแบกหามลงบนบ่าของผู้นำที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี