ผู้ตรวจการแผ่นดินได้แถลงว่าตามที่มีผู้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบกรณีนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 27 สิงหาคม 2562
ซึ่งผลการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นก็คงจะมีได้สองทาง คือ เห็นว่าเป็นปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรืออีกทางหนึ่งเห็นว่าไม่เป็นปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน หรืออาจเห็นว่าถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ก็วินิจฉัยว่ายังไม่มีการถวายสัตย์ ตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็ต้องขอรับพระบรมราชานุญาตเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ และในกรณีนี้ย่อมหมายความว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่ได้เข้าทำหน้าที่ และคณะรัฐมนตรีชุดเดิมยังคงต้องทำหน้าที่อยู่
และย่อมหมายความต่อไปด้วยว่า การทั้งหลายที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ดำเนินมาเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ เพราะถ้าถือว่ายังไม่มีการถวายสัตย์ฯ คณะรัฐมนตรีก็ยังทำหน้าที่ไม่ได้ การกระทำใดๆ จึงเป็นโมฆะ
ดังนั้นในปัญหาเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนว่ากรณีเป็นอย่างไร และจะเป็นไปอย่างไรต่อไป รวมทั้งผลที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดขึ้นติดตามมา จึงสมควรที่จะได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ในประการดังต่อไปนี้
ประการแรก รัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นอย่างเดียวกันทุกฉบับว่าเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแล้ว คณะรัฐมนตรีจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีข้อความตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติแบบแผนไว้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มิได้มีปัญหาในการปฏิบัติในเรื่องนี้แต่ประการใด
ย่อมหมายความว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญนั้นมีแบบแผนและข้อความที่แน่นอนตายตัว ทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และตามหลักฐานที่ปรากฏนั้นการถวายสัตย์ปฏิญาณ มิได้เป็นไปตามข้อความที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงต้องถือว่ายังมิได้มีการถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามรัฐธรรมนูญ
ประการที่สอง เมื่อยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะที่ถวายสัตย์ปฏิญาณไปนั้นมิใช่เป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ คณะรัฐมนตรีจึงยังเข้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าประเทศมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นแต่ว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรียังทำหน้าที่ไม่ได้เท่านั้น เมื่อไปทำอะไรเข้าโดยไม่มีหน้าที่ สิ่งที่ทำนั้นจึงไม่มีผลทางกฎหมายหรือเป็นโมฆะนั่นเอง
ประการที่สาม ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ายังไม่ได้มีการถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดินย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการได้สองประการ คือ
ประการแรก ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังมิได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ก็มีคำวินิจฉัยแนะนำให้คณะรัฐมนตรีขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่
ประการที่สอง ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจพิจารณาว่าถ้าหากผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยตามประการแรก ก็จะเกิดผลกระทบต่อกิจการทั้งหลายที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ดำเนินมา และอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ในกรณีเช่นนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ผลของคำวินิจฉัยนั้นให้มีผลนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นต้นไป ดังนั้น ถ้าหากการถวายสัตย์ปฏิญาณยัง
ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญก็จะมีเงื่อนปมของกฎหมายที่ถือได้ว่าการที่ได้กระทำมาถูกต้องสมบูรณ์แล้ว และจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติต่อไป
ประการที่สี่ ในกรณีที่มีการวินิจฉัยว่ายังมิได้มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญและเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังทำหน้าที่ไม่ได้ ย่อมหมายความว่า คสช. ก็ดี คณะรัฐมนตรีชุดเดิมก็ดี และมาตรา 44 ก็ดี ยังคงดำรงอยู่ตามบทบัญญัติเฉพาะกาลแห่งรัฐธรรมนูญนี้จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณอีกครั้งหนึ่ง
และในกรณีเช่นนี้ถ้าหากมีปัญหาที่จะต้องซ่อมแซมแก้ไขประการใด คสช. ซึ่งยังคงมีอำนาจหน้าที่อยู่ ก็สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ไขปัญหาและข้อขัดข้องดังกล่าวนั้นเสียได้
ถ้าหากกระบวนการได้ดำเนินไปตามแนวทางที่ว่านี้ก็จะสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งหลาย ไม่ต้องเปลืองตัวของผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะทางออกนั้นมีอยู่แล้วตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
แต่ถ้าหากคิดแต่จะใช้อภินิหารทางกฎหมาย ไม่ว่าจะถือว่ามีการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นไปเช่นนั้นก็ดี หรือถือว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วไซร้ ก็เท่ากับว่าได้เอากระบวนการยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญไปเผาบูชายัญให้กับกรณีเช่นนี้
ซึ่งไม่น่าจะคุ้มกันเลย
ดังนั้นการใดที่สามารถดำเนินให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และชอบด้วยหลักนิติธรรมแล้วก็ย่อมดีกว่า เพราะอภินิหารนั้นไม่ได้ใช้ได้เสมอไป เพราะบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องหมองูเล่นกลขายยาแต่ประการใด!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี