ใจคิดที่อิสระ มาจาก ความไม่อิสระ แต่ดิ้นรน แสวงหาความรู้ เข้าร่วมการต่อสู้ ด้วยสติปัญญาความจริง (ต่อ) ใจที่สงบ : บนยอดดอยขุนตาล “แหงนมองท้องฟ้า” เมฆหนา บาง เป็นก้อนใหญ่น้อยลอยไป “มองก้มลง” เห็นดิน หมู่บ้าน ชุมชน ที่ยาวทอดออกไป หลากหลาย “มองตรงไปข้างหน้า” ด้วยความรัก ความมุ่งมั่น คำนึงถึงชีวิตที่ผ่านมา : เรามาได้อย่างไร
l ความอิสระ เริ่มที่ : บ้าน วัด โรงเรียน การทำงาน การบวชเรียน การศึกษาต่อเนื่อง การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การดิ้นรนสู้อย่างทรหด เพื่อชีวิต และครอบครัว แบบอย่างของชีวิต ศาสดาของศาสนา ในหลวงฯ พระ ผู้ใหญ่ เพื่อนมิตร อิสระ : ใจ กาย ความคิด เงิน การใช้ชีวิต
l ความอิสระ เริ่มต้น ที่บ้านเกิด ร้านชัยประสานลำปาง ของป๋าแม่ ตระกูลสุรวิชัย-เฮวอินปี
ป๋าและแม่ ให้อิสระ แก่ลูกทุกคน ในการเรียน การใช้ชีวิต แต่ก็มีกรอบของความรักความปรารถนาดี มานึกย้อนหลัง สิ่งที่เราได้จาก “ป๋าแม่” ที่เป็นแบบอย่างของลูกๆ
อิสระ : บนเส้นทางของความถูกต้องดีงาม เพื่อตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม
อิสระ : บนพื้นฐานของ การมีระเบียบวินัย ทำงานหนัก เอาจริง
อิสระ : ที่คู่ไปกับ ความรู้ การเรียนรู้ การสรุปบทเรียนฯ
อิสระ : บนความมีเหตุมีผล พิสูจน์ได้ ใช้ได้จริง
อิสระ : ที่เดินไปกับ ความรัก ความปรารถนาดี การให้ การช่วยเหลือผู้อื่น การเห็นใจผู้ด้อยโอกาส
อิสระ : จากปัญหาอุปสรรค การล้มลง พ่ายแพ้ฯแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ด้วยความเข้มแข็งกายใจที่เพิ่มขึ้น
อิสระ : จากไม่อิสระ แล้วสรุปบทเรียน หาสาเหตุ แก้ไข ปรับปรุง จนก้าวข้าม ความไม่อิสระ สู่ความอิสระ
l ที่โรงเรียนอรุโณทัย และ อัสสัมชัญลำปาง คุณพ่อ มิส บราเดอร์ มาสเซอร์ ให้ความรู้ ความรู้ที่ครูสอน ทำให้เรา
มีอิสระ ในการรู้ การเข้าใจที่มากขึ้น ตามชั้นเรียน : จากอนุบาล ถึงมัธยมต้น มีอิสระ ในการสอบตอบครูได้ เพราะเรามีความรู้
(ตามหลักสูตรฯ ของโรงเรียน) และสอบได้คะแนนดีแฝงมาด้วย ความมีระเบียบวินัย : วิริยะ อุตสาหะ นำมาซึ่งความสำเร็จ LABOR OMNIA VINCI อิสระ เมื่อทำการบ้านเสร็จรวมทั้งช่วยงานบ้าน ก็ตระเวนไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าน รุ่นราวคราวเดียวกัน ความรู้ จากความตั้งใจใฝ่เรียนรู้ ที่โรงเรียน และเรียนพิเศษ ที่แม่จ้างครูมาสอนฯ ค่อยๆ สะสมในตัว
l วัด (พุทธ )+ พระเจ้า ศาสนาคริสต์ (คาทอลิก) จากโรงเรียนที่เรียน + ประเพณีวัฒนธรรมพื้นเมือง คำสอนทางคริสต์ศาสนา ที่ตัวเองแยกไปเรียนกับ บราเดอร์ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เรียนศีลธรรมสิ่งที่ได้ คือ ได้พื้นฐานความเข้าใจในเรื่องศาสนาคริสต์ ที่ไม่ได้ใจเข้าลึกซึ้ง เพราะเรียนอยู่แค่ปีสองปีไปเป็นเด็กวัดเชียงราย (ลำปาง) ตามยายไปฟัง พระเทศน์ และจำศีลที่วัดม่อนกระทิงฯ (ไม่ได้อะไรมากนัก)
ยาย ป๋า แม่ ญาติพี่น้องฯ : เป็นความเชื่อ ศรัทธา ตามประเพณีวัฒนธรรมในท้องถิ่นและที่ปฏิบัติต่อกันมาทำให้ หลายเรื่อง เราในฐานะเยาวชน ตอบบางเรื่องไม่ได้ เพราะฐานความรู้ ไม่ถึง ไม่พอฯ
l บทเรียนที่เราได้ นั่นคือ เราได้ทั้ง ความอิสระ ที่ตอบตัวเองได้ แต่หลายเรื่องที่ตอบไม่ได้ คือ “ไม่อิสระ” และเราไม่มีอิสระทางการเงิน เพราะมีเงินจำกัด ต้องขอป๋าแม่ ซึ่งให้ใช้เฉพาะค่าขนม ฯลฯ
l อิสระที่มากขึ้น : จากบ้านลำปาง นั่งรถไฟ ไปเรียนต่อชั้นเตรียมอุดมศึกษา ที่กรุงเทพฯ ทำให้เราเห็นโลก
ที่กว้างขึ้น กรุงเทพฯ ที่ใหญ่และมีอะไรมากกว่าลำปาง (แต่บางเรื่องก็มีน้อย) อิสระในการตัดสินใจ ไปสมัครสอบเข้า โรงเรียนเตรียมทหาร โดยกวดวิชาที่โรงเรียนอโนชาฯ สอบติดข้อเขียน ได้โอกาส “ไปสัมภาษณ์ที่ไม่เหมือนใคร” ทั้งความรู้ เชาวน์ วิดพื้น โหนบาร์ วิ่งฯ การถูกรุมสัมภาษณ์ จากอาจารย์ 5-6 คน ที่ถามให้ตอบ ในประเด็นต่างกัน
พร้อมๆ กัน ผ่านได้หมด แต่ปรากฏว่า ได้สำรองที่สิบสาม ซึ่งอันดับไม่ถึง จึงพลาดโอกาสเป็น นตท. 08
l แต่มาติดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพญาไท เรียนอยู่ 2 ปี
การแยกกับพี่น้องคนอื่นๆ มาพักอยู่กับ พี่อารี (พันเอก) และพี่เฉลา ที่ซอยสุขจิต พหลโยธิน 4 ที่ทำให้เรา ต้องคิดและตัดสินใจด้วยตนเอง ในการเรียน การใช้ชีวิต อย่างอิสระ ได้ความรู้ วิชาการ การแข่งขันในการเรียนของเด็กเก่งทั่วประเทศ ในห้องเรียน และในโรงเรียน เพื่อนส่วนใหญ่ มาจากโรงเรียนประจำจังหวัดและเอกชนจากทั่วประเทศ นิสัยดี เรียบร้อย เรียนเก่งความขยัน มุ่งมั่น เอาแต่เรียนเป็นหลัก เพื่อคะแนนสอบ เพื่ออันดับการสอบที่ดีกว่าคนอื่นๆ บางครั้ง รู้สึกถึง “ความไม่มีอิสระ” ในการไปเที่ยว เล่น และการใช้ชีวิต เหมือนเด็กอื่นๆ ในสังคม รวมทั้งเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( คณะวิศวะ ) ที่มีคนเก่ง ทั่วไทย ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งทำให้ เมื่อโตขึ้น จบ เป็นบัณฑิต จึงมีเพื่อนในวงการต่างๆ มากมาย ในระดับนำของประเทศ การมีเพื่อน การรู้จักคนในทุกระดับมาก ทำให้เรามีความอิสระ และคล่องตัว ในการประสานงาน
l กิจกรรม ในโรงเรียน และมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องที่ทำให้เรามีประสบการณ์ในการทำงานร่วมฯ = อิสระนอกจากการเรียน ที่ธรรมดา ยังได้ให้ความสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยและทำไปทำมา “เจ้ากิจกรรม” นี่แหละ ที่มีส่วนสำคัญ ทำให้ “ปู่จิ๊บ” มีความอิสระมากขึ้น มาถึงปัจจุบัน
l ทำไม! จึงสนใจ และ พัฒนา เป็นความรักใน “กิจกรรม”
การไม่อยู่เฉย การใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ความรับผิดชอบฯ เป็นพื้นฐานที่ได้มาจาก “บ้าน” เมื่อมาเข้าเรียน ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศซึ่งคนส่วนใหญ่ มุ่งมาเรียน หวังจบได้ปริญญา ออกไปทำงาน หารายได้ อีกด้านหนึ่ง เปิดช่องว่าง และโอกาส ให้ “คนที่สนใจเรียนรู้ หาเพื่อนมิตรฯ” ได้เข้าไปทำกิจกรรมปฐมเริ่มต้นที่ชุมนุมสังคมศาสตร์ รร.เตรียมอุดมฯ ที่กิจกรรมหลัก คือ การจัดงาน วันสหประชาชาติและกิจกรรมอื่นๆ เช่น จัดพานักเรียนฯ ไปทัศนศึกษา ตามวัดวาอารามที่สำคัญ เช่น ที่อยุธยา ปี 2509
นอกจาก “กีฬาสี” ที่ นักเรียนทุกคน จะเข้าร่วมตามสีต่างๆ ที่ตนได้รับ : (ปู่จิ๊บ สีฟ้า) สิ่งที่ได้ คือ การได้มีเพื่อนจากห้องต่างๆ จากแผนกวิทย์ และแผนกศิลปะฯ นอกจากความรู้เฉพาะ แต่ที่ได้มาก คือ ช่วง 6 ปี ที่ (เรียน) คณะวิศวะจุฬาฯ และสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย คณะวิศวะ เป็นชมรมวิชาการคณะวิศวะ ที่ผลิตตำราราคาถูกและจัดงานนิทรรศการวิศวจุฬาฯ ที่สโมสรนิสิตจุฬาฯ มีทั้งระดับชมรม ปาฐกถาฯ ค่ายอาสาฯ บริจาคโลหิตและสังคมสงเคราะห์ระดับบริหาร คือ การเป็นอุปนายกและนายก สจม. จากการลงสมัครรับเลือกจากนิสิตทั้งจุฬาฯ รวมทั้งการเริ่มมีกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง ทั้งต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น การคัดค้านผู้บริหารฯ ที่ทุจริตฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี