เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ประชารัฐสร้างไทย โดยการระดมทุกๆ หน่วยงานภาครัฐมาร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศจากภายในรับมือเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนรุนแรงในปีนี้
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนนั้น ดร.สมคิดได้กล่าวย้ำว่าไม่ใช่การหาเสียงของรัฐบาลแต่เป็นการทำให้เศรษฐกิจฐานรากแข็งแกร่งก้าวข้ามพ้นความยากจนและความเหลื่อมล้ำเนื่องจากไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติในการเพาะปลูกและพึ่งตลาดโลกโดยมี 3 เงื่อนไขที่สำคัญ ได้แก่
การทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ก้าวข้ามพ้นจากความยากจน ซึ่งจะพบว่ามีหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้วการวางแนวทางแก้ไขปัญหาโดยคณะกรรมการประชารัฐสร้างไทยต้องมีการประสานงานมีคณะกรรมการเข้าไปดูแลประชาชนในทุกๆ ชุมชนและการให้ธนาคารของรัฐบาลทุกๆ ธนาคารเข้าไปดูแลปล่อยสินเชื่อแก่ระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบ
ธนาคารเหล่านี้คือ ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ ธนาคารต้องทำให้วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ผลิตสินค้าออกมาแล้วขายได้และมีกำไรเลี้ยงครอบครัวได้แบบประเทศพัฒนาแล้วนั่นคือการเพิ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ให้ตั้งตัวได้ครบทุกๆ หมู่บ้านและมีการต่อยอดกองทุนหมู่บ้านเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนพร้อมๆกันทั้งชุมชนเมืองและชนบททั่วประเทศ
คาดหมายว่าธนาคารของรัฐจะต้องทุ่มงบประมาณไปให้เศรษฐกิจฐานรากกู้ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงินประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี หากทำได้ตามเป้าหมายแล้วก็เชื่อว่าความยากจนจะลดลงและค่อยๆ หมดไป ในขณะเดียวกัน ด้านเศรษฐกิจฐานรากนั้นก็ต้องพัฒนาให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนไม่ใช่ตั้งขึ้นมาแล้วล้มในภายหลังอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
สิ่งที่ต้องต่อยอดไปให้บรรลุเป้าหมายก็คือกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติที่มีทั้งหมดประมาณ 80,000 กองทุน มีสมาชิกมากถึง 14 ล้านคนก็จะต้องเข้าไปดูแลให้กองทุนและสมาชิกดีขึ้นมีการปรับเงินกองทุนหมู่บ้านให้ประชาชนสามารถมีทุนหมุนเวียนในการสร้างรายได้และสร้างงานแต่ปัญหาที่น่าห่วงก็คือประชาชนมีหนี้สินครัวเรือนมากเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไขให้สำเร็จ
การแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ68 ล้านคน เป็นเรื่องใหญ่คงแก้ไขให้สำเร็จในเร็ววันไม่ได้แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้คงทำได้บรรลุเป้าหมายดีกว่ารัฐบาลที่มาจากนักการเมืองจอมโกงอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี