ปัญหาความแตกแยกแบ่งคนในสังคมออกเป็นก๊กเป็นเหล่าของคนไทย 60 กว่าล้านคน มีทีท่าว่าอาจจะลุกลามนำไปสู่ความแตกสามัคคีบานปลายเพิ่มขึ้นปัญหานี้มีมายาวนานไม่ต่ำกว่า 40-50 ปี นับตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทัศนคติทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการบริโภคสินค้าเครื่องอุปโภคเนื่องจากสภาพบ้านเมืองเปลี่ยนไปมีความเจริญและประเทศมีกลุ่มความคิดที่แตกต่างกันแบบแบ่งขั้วมากขึ้น
เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่องของกลุ่มผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าที่เรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์โทแบ๊กโกในประเทศไทยที่มีผู้บริโภคในปัจจุบันไม่น้อยกว่า 200,000-300,000 ราย เดิมบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าบริโภคที่มีราคาสูงผู้ใช้ต้องเป็นชนชั้นกลางขึ้นไป แต่ปัจจุบันสินค้านี้มีราคาถูกลงแม้จะมีกฎหมายอาญาห้ามนำเข้าแต่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้จากประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่เมียนมา, ลาว, กัมพูชาและมาเลเซีย
ปัจจุบันผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าได้จัดตั้งแฟนเพจบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร ลาขาดควันยาสูบเพื่อเรียกร้องสิทธิในการบริโภคแทนการสูบบุหรี่ซิกาแรตในรูปแบบเดิม เพราะในปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ยินยอมให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้แล้วโดยมีกฎหมายควบคุมการจำหน่ายห้ามขายให้แก่เยาวชน ชาติในกลุ่มอาเซียน 10 ชาติ คงมีไทยประเทศเดียวที่ห้ามซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า
ในขณะนี้ผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าถูกต่อต้านอย่างแข็งขันจากเอ็นจีโอและข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขบางส่วนโดยฝ่ายต่อต้านชี้แจงกับภาครัฐว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนเหมือนบุหรี่ปกติซึ่งฝ่ายผู้บริโภคคือผู้แทนเครือข่ายผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมาว่าความจริงบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้มีอันตรายเหมือนบุหรี่ซิกาแรตที่บริโภคด้วยการสูบพ่นควันในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าบริโภคผ่านเครื่องกับน้ำยาของเหลวที่กลั่นจากนิโคตินที่ได้จากใบยาสูบ
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ผู้แทนของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเผยว่า เอ็นจีโอที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกเราได้แถลงบิดเบือนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้ามาตลอดหลายๆ ปีทำให้ภาครัฐเข้าใจผิดไม่ยอมอนุญาตให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายโดยถูกกฎหมายในไทยทั้งๆ ที่ทั่วโลกเป็นร้อยๆ ประเทศเขาไม่ห้ามแล้ว ปัจจุบันมีงานวิจัยจากกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรและองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ ที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ซิกาแรตแบบเดิม หลายประเทศให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกในการอดบุหรี่ กลุ่มที่รณรงค์ต่อต้านปัจจุบันมักอ้างข้อมูลด้านลบมาเสนออย่างเดียวทำให้สังคมเข้าใจผิด
การอ้างว่าสหรัฐอเมริกาสั่งแบนบุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่จริงอีกเพราะสหรัฐอเมริกาสั่งห้ามเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่แต่งเติมรสชาติเท่านั้น ผู้บริโภคที่ตายเพราะปอดอักเสบก็เพราะนำอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าไปเสพกัญชาไม่ใช้นำไปสูบสารนิโคตินซึ่งมันเป็นคนละเรื่อง กลุ่มต่อต้านได้หยิบเอาข้อมูลเฉพาะส่วนโดยไม่ได้นำเอารายละเอียดของสำนักงานควบคุมโรคและเอฟดีเอของสหรัฐอเมริกามาแสดงทั้งหมด
การห้ามบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดปัญหาตามมามีการลักลอบซื้อขายผ่านออนไลน์หรือไม่ก็ไปซื้อที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทำให้รัฐบาลควบคุมไม่ได้ สหราชอาณาจักรและประชาคมเศรษฐกิจยุโรปมีการควบคุมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดมีระเบียบห้ามเยาวชนซื้อและต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนในการซื้อป้องกันเยาวชนนำไปใช้และรัฐบาลยังเก็บภาษีได้อีกด้วย
นายอาสา ศาลิคุปต เผยว่า ฝ่ายต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าพยายามดิสเครดิตผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งพวกเรานั้นเป็นผู้สุจริตไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใครเพราะบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบเดิมมาก พวกเราอยากเห็นบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมายและอยากลดอันตรายแก่ตัวเองพวกเราเป็นสมาชิกขององค์กรผู้ใช้นิโคตินนานาชาติหรือ INNCO เป็นการรวมตัวของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้านานาชาติรวม 36 ประเทศ การอ้างว่าพวกเราได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่จึงเป็นเรื่องใส่ร้ายจากเอ็นจีโอแบบผิดๆ ไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง
พวกเราจะนำเสนอความจริงให้สังคมได้ทราบและอาจจะรวมกันล่ารายชื่อผู้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้หนึ่งหมื่นรายชื่อเสนอข้อเรียกร้องไปยัง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนแก้ไขกฎหมายห้ามและเพื่อผ่านไปยังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.พาณิชย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขให้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องและให้พรรคการเมืองทั้งพรรคพลังประชารัฐ, ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยพิจารณาแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้านี้ต่อไป
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี