ข่าวคราวที่น่าสะกิดใจในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนมีอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลออกไปจัดเวทีชุมนุมประชาชนเพื่อรณรงค์ในประเด็นที่ว่าอิ่มท้องโดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ
เห็นข่าวและภาพที่มีแม่บ้านจำนวนหนึ่งมานั่งหน้าสลอนไม่ต่างกับเมื่อครั้งที่นักการเมืองไประดมหัวคะแนนมานั่งฟังคำปราศรัยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นลีลาการเคลื่อนไหวการเมืองแบบเก่าหรือแบบอนาล็อกที่พัฒนามาจากยุคแจกปลาทูหาเสียงนั่นเอง
นั่งพินิจพิเคราะห์ดูทั้งข่าวและภาพดังกล่าวแล้วก็ไล่ย้อนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในฐานะที่เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลจะต้องพยายามทำให้บ้านเมืองสงบสุข พยายามใช้อำนาจบริหารในฐานะรัฐบาล ในการทำการงานทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขของอาณาประชาราษฎร
และถ้ามีการสิ่งใดที่จะต้องทำความเข้าใจก็สามารถใช้กลไกรัฐที่มีอยู่พร้อมสรรพในการชี้แจงทำความเข้าใจให้เป็นไปโดยถูกต้อง เพราะไม่มีรัฐบาลไหนหรือพรรคร่วมรัฐบาลไหนที่ไปเปิดเวทีประชาชนในการรณรงค์ทางการเมืองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จำเป็นจะต้องใช้เวทีเช่นนั้น เพราะไม่สามารถใช้กลไกสื่อเหมือนกับฝ่ายรัฐบาล
พินิจพิเคราะห์แล้วก็วินิจฉัยได้ประการเดียวเท่านั้นว่าเป็นการหลงกลการเมืองของฝ่ายค้าน และถูกชักลากให้ออกไปยังท้องถนนเช่นเดียวกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน อาการหลงกลแบบนี้หากพลาดพลั้งไปมากกว่านี้ วันหนึ่งก็จะถูกคนกล่าวหาว่าทิ้งไพ่โง่ก็ได้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เพราะอยู่ดีไม่ว่าดีไปหลงฟังคำนักวิชากินนักวิชาเกิน และนักห้อยนักโหนทั้งหลายที่หวังประจบสอพลอผู้มีอำนาจ คิดจะฟาดฟันพรรคฝ่ายค้านให้พังพินาศวายวอดโดยมิได้คำนึงถึงหลักนิติธรรมคุณธรรมใดๆ ใช้อำนาจจนคนทั้งหลายเห็นว่าได้สูญเสียไปซึ่งความเป็นธรรม
โดยเฉพาะกรณีขัดขวางไม่ให้นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ทำหน้าที่ สส. ในสภาผู้แทนราษฎร เพียงคนเดียว ในขณะที่ สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมทั้ง สว.เกือบ 200 คน ต่างก็ถือหุ้นในนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจสื่อมวลชนเหมือนกันทั้งสิ้น
ทำกันอย่างกับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายแต่พอขวางไม่ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำหน้าที่ สส. ได้แล้ว บรรดาเรื่องที่คนทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาแบบเดียวกันกลับเงียบหายไปเฉยๆ นานหลายเดือนเต็มทีแล้วก็ไม่มีข่าวคราวความคืบหน้า จึงถูกกล่าวหาได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการขัดขวางไม่ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำหน้าที่ สส. ในสภาเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ไปทำงานนอกสภา เพราะยังมีฐานะเป็น สส.อยู่ และคาดว่ายังมีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนในฐานะ สส.อยู่ เพราะถูกห้ามเพียงการทำหน้าที่เท่านั้น เมื่เป็นเช่นนี้เขาก็ไปเคลื่อนไหวนอกสภา ทำการจัดตั้งมวลชนและขยายมวลชนกันเอิกเกริก จนกระทั่งบางคนตื่นตกใจวิตกว่าหากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นก็อาจเกิดเหตุการณ์พลิกผัน จึงทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นต้องชะลอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปโดยไม่มีกำหนด
ยิ่งเลื่อนออกไปเท่าใด การทุจริตก็งอกงามลุกลามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ดังที่เป็นข่าวโกงรายวันกันทุกวี่ทุกวัน
และเมื่อการเคลื่อนไหวนอกสภาขยายตัวไปแล้ว เขาก็เสนอประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านก็พากันเฮด้วยช่วยกัน ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่เคยหาเสียงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญยิ่งทำตัวไม่ถูก โดยบางส่วนก็ออกมาสนับสนุนฝ่ายค้านบางส่วนก็พูดไม่ออก ต้องเงียบเป็นเป่าสาก กลายเป็นส่งลูกฟุตบอลเข้าตีนของฝ่ายค้านไปอย่างน่าฉงน
ดังนั้นในขณะที่ด้านหนึ่งพรรคฝ่ายค้านกุมสภาพการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเข้มแข็ง การเคลื่อนไหวนอกสภาก็ขยายตัวไปอย่างเอิกเกริก มีการปราศรัยที่ไหนก็มีผู้คนเข้าร่วมมากมายจนน่าแตกตื่น
เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็คงอดใจไม่ได้ เพราะถ้าขืนปล่อยไปเช่นนี้ในที่สุดก็จะเกิดสภาพตามคำพังเพยที่ว่า มีเฮที่ไหน พี่ไทยก็เข้าเฮด้วยช่วยกัน มวลชนก็จะไหลไปสมทบเข้ากับพรรคฝ่ายค้านซึ่งย่อมมีผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น และการเลือกตั้งทั่วไปในอนาคตด้วย
เพราะความหวาดหวั่นเช่นนั้นจึงคิดทำอย่างฝ่ายค้านบ้าง นั่นคือจัดชุมนุมประชาชนเพื่อรณรงค์ทางการเมือง
สถานการณ์จึงกลายเป็นว่าฝ่ายค้านสามารถลากฝ่ายรัฐบาลออกจากสภาไปจัดชุมนุมประชาชนรณรงค์ทางการเมืองได้เป็นของแถม ยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลออกไปรณรงค์ชุมนุมประชาชนก็ยิ่งเกิดความชอบธรรมและยิ่งปลุกเร้าจิตใจของประชาชนทั่วประเทศให้ตื่นตัวกับกระแสทางการเมือง แทนที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปตามปกติ
และทำให้บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์คล้ายกับกำลังจะมีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พรรคร่วมรัฐบาลที่ออกไปดำเนินการเรื่องนี้ก็ได้เสนอคำขวัญว่า อิ่มท้องโดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ
ก็น่าสงสารคนคิดคำขวัญแบบนี้ เพราะในเนื้อหาของคำขวัญนั้นทำให้คนรำลึกนึกคิดได้ว่า รัฐบาลลุงตู่ 1บริหารมา 5 ปีกว่า มาถึงรัฐบาลลุงตู่ 2 ก็ยังต้องแสวงหาความอิ่มท้องกันอยู่ และต้องคิดกันแค่เรื่องอิ่มท้องโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องบ้านเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้กันว่ามีปัญหาแค่ไหน
ตั้งประเด็นแบบนี้ก็เท่ากับเปิดหัวให้เขาตีเพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถอภิปรายตีโต้ได้ว่า ประเทศไทยในวันนี้ต้องคิดกันแค่การกินข้าวให้อิ่มเท่านั้น ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นกันแล้ว อย่างนี้ในที่สุดประชาชนจะเลือกข้างไหน?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี