การสูบบุหรี่เป็นปัญหาสาธารณสุขในประเทศไทยและทั่วโลกมากว่าหลายทศวรรษแม้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐบาลหรือองค์กรรณรงค์ด้านบุหรี่จะออกมาตรการเพื่อการควบคุมการบริโภคบุหรี่หรือการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยของการสูบบุหรี่ แต่ความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ ยังคงมีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากที่ตัดสินใจสูบบุหรี่ต่อไป
ในขณะที่ความก้าวหน้าทางวิทยาการ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เคยเป็นอันตรายหลายอย่างสามารถแทนที่ได้ด้วยผลิตภัณฑ์ทดแทนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อยลง เช่น น้ำตาล ถูกทดแทนด้วยสารให้ความหวาน
แต่การลดอันตรายจากบุหรี่ ที่ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ได้รับการยอมรับโดยผลวิจัยในต่างประเทศว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพน้อยกว่าที่น้อยกว่าการสูบบุหรี่ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า หรือยาสูบแบบไม่มีการเผาไหม้ กลับยังคงเป็นประเด็นให้มีการถกเถียงกันในประเทศถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ในขณะที่ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของยาสูบของคนในสังคมก็ยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก
ความจริงแล้ว ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ใช่นิโคติน แต่เป็นควันบุหรี่ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงที่สุด แม้ว่านิโคตินจะเป็นสารที่ทำให้เสพติด และไม่ได้ปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักของโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ดังนั้น หากเราสามารถตัดขั้นตอนการเผาไหม้ออกจากกระบวนการจุดบุหรี่ได้ ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ไร้ควันเหล่านี้ยังเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย นำเข้า หรือให้บริการในประเทศ อีกทั้งยังมีการรณรงค์ให้ความรู้แบบไม่ถูกต้อง ไม่ทันสมัย ทำให้คนไทยกว่า 70% จึงยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนิโคตินและควันบุหรี่
ซึ่งเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากในประเทศอื่นๆเท่าใดนัก ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 13 ประเทศ (อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล เดนมาร์ก เยอรมนี ฮ่องกง อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา) ซึ่งจัดทำโดยโพวาโด บริษัทระดับโลกด้านการวิจัยการตลาด ชี้ว่า มีเพียง 55% ของผู้สูบบุหรี่ผู้ใหญ่ระบุว่าพวกเขามีข้อมูลผลิตภัณฑ์ไร้ควันเพียงพอในการตัดสินใจ ผลการสำรวจยังชี้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 7 ใน 10 คน (หรือประมาณ 68%) ต้องการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับในประเทศไทยก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่รับทราบข้อมูลเหล่านี้เห็นได้จากการแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลามในช่องทางออนไลน์เมื่อรัฐบาลออกมาย้ำว่าจะยังไม่พิจารณายกเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไร้ควัน ซึ่งเท่ากับการไม่เปิดทางเลือกให้กับผู้สูบบุหรี่ และนั่นหมายถึงการปิดโอกาสในการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่และลดปัญหาพิษภัยของบุหรี่ให้กับประเทศไทย
หากดูตัวอย่างที่ดีจากหลายประเทศเช่น สหราชอาณาจักรและประเทศในยุโรปอื่นๆ จะเห็นว่ามาตรการที่ประเทศเหล่านั้นนำมาเสริมเพื่อช่วยลดจำนวนผู้สูบบุหรี่คือการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไร้ควันให้เป็นทางเลือกของผู้สูบบุหรี่ ส่งผลให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลงอย่างมาก ในประเทศอังกฤษเพียงอย่างเดียวจำนวนผู้สูบบุหรี่ผู้ใหญ่ลดลงถึง 4.9% ในระหว่างปี 2555-2561
ในทางตรงกันข้าม หันกลับมามองที่ประเทศไทย ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไร้ควันเป็นสินค้าผิดกฎหมาย อัตราผู้สูบบุหรี่ในบ้านเราคงที่เฉลี่ยอยู่ที่ 19-20% มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้ เหมือนจะเป็นความคิดที่แตกต่างระหว่างสองกลุ่ม “หน่วยงานด้านสุขภาพ” และ “บริษัทบุหรี่” แต่มันยังไม่ใช่ “ทางตัน” ของประเทศในการแก้ปัญหาสาธารณสุขจากการสูบบุหรี่ เพียงแค่สองฝ่ายต้องหันหน้าเข้ากัน พูดคุยกันด้วยหลักการข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ และร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมให้กับผู้สูบบุหรี่ในประเทศต่อไป
หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้ เป็นข้อเขียนจากนายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง(ไทยแลนด์) จำกัด ส่งมาให้ผมช่วยนำเสนอต่อท่านผู้อ่าน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี