ประเทศไทยประกอบด้วย พื้นที่ขนาด 13,115 ตารางกิโลเมตร (หรือ 198,115 ตารางไมล์) ใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีประชากรเกือบ70 ล้านคน ความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย 4,950 คน ต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร มีทุนทางสังคม มีอัตลักษณ์ของความเป็นไทย มีระบอบการเมืองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังเป็นที่ทราบกันดีมาโดยตลอดนั้น ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคนจริงหรือ
ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้สายป่านของผู้มีอำนาจทางการเมือง มักถูกฉุดรั้งหรือถูกกระตุกกระตุ้นจากผู้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวก ในบางยุคบางสมัย โดยเฉพาะในยุคที่ผู้มีอำนาจทางการเมืองเป็นคนไม่มีคุณธรรม จริยธรรมหรือเป็นโลภ หลง ในอำนาจเพื่อประโยชน์ตนนั้น ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคนจริงหรือ
เฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติทุกมิติ ไม่ว่ามิติทางการเมือง มิติทางเศรษฐกิจ สังคม มิติทางด้านความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งมิติของความเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลกระทบจากภายนอกประเทศ นั้น ความเหลื่อมล้ำในสภาพความเป็นอยู่ของชีวิตผู้คนในบ้านเมือง ได้เกิดขึ้นอย่างมากและหนักหนาขึ้นทุกวัน และเห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกวัน
ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ในขณะนี้ คนส่วนน้อยรวยกระจุก แต่คนส่วนใหญ่จนกระจาย รู้กันทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แม้กระทั่งนิตยสาร “ฟอร์บส์” ของสหรัฐฯ ซึ่งรู้จักกันดีทั่วโลก ก็ยังได้เคยเสนอข่าวในปี 2550 นี้เองว่า คนรวยจริงๆ ในประเทศไทย 10%นอกจากมีรายได้ 35 เท่าของคนจนแล้ว ยังมีสินทรัพย์ถึง 79% ของประเทศ และสถาบันการเงินเครดิตสวิส ยังออกรายงานเรื่องความมั่งคั่งของคนในโลกเมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซีย และ อินเดีย อีกด้วย
ซึ่งปัญหานี้ แม้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมฯของบ้านเรา ก็ยังยอมรับถึงความรุนแรงของปัญหานี้ โดยระบุว่า คนรวย 0.1% หรือ 65,000 คนจากประชากรทั้งหมดในประเทศ มีเงินฝากเท่ากับ 49% ของเงินฝากทั้งระบบ
ปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศเช่นนี้ ย่อมสะท้อนภาพความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนเป็นอย่างดี คำว่า “อำนาจเป็นของประชาชนชาวไทย” ก็ดี “ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน” ก็ดี หรือ “ทรัพยากรของชาติเป็นของคนทุกคน” ก็ดี ล้วนเป็นเพียงวจีกรรมที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น ประชาชนคนไทยมีส่วนเพียงน้อยนิด หรือบางคนแทบไม่มีเลย
นอกจากนี้ในการประกอบธุรกิจ ก็มีผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ราย ไม่กี่ตระกูลที่ครอบครองตลาด และอำนาจในทางธุรกิจเหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่น และหลายกิจการมีอำนาจในการผูกขาด กีดกันผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะเข้ามาโดยไม่เป็นธรรมสภาพเช่นนี้ก็เหมือนกับความเป็นเผด็จการทางเศรษฐกิจนั่นเอง
ผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองต้องรู้และเข้าใจด้วย
แม้รัฐธรรมนูญในแต่ละยุคสมัยก็ยังระบุให้รัฐพึงจัดการระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ และของประชาชน
รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน และรัฐต้องพึงส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองและสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ประเภทต่างๆ และกิจการวิสาหกิจขนาดย่อม และขนาดกลางของประชาชนและชุมชน
ในการพัฒนาประเทศ รัฐพึงคำนึงถึงความสมดุล ระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุและด้านจิตใจ และความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนประกอบกัน
รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองไว้ทุกอย่างในเรื่องดังกล่าว เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจของไทย ถ้าผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองใส่ใจและตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ ก็ต้องตระหนักในเรื่องอย่างนี้ และทำให้เป็นจริงให้ได้
โดยเฉพาะในเรื่องการที่รัฐ หรือรัฐวิสาหกิจของรัฐประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชนก็ดี หรือการที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีอำนาจผูกขาด และทำลายธุรกิจสหกรณ์หรือชุมชน ทำลายธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดปานกลาง จนทำให้ธุรกิจต่างๆ ดังกล่าวแทบไม่มีที่ยืน เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้น เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในขณะนี้
หากเราคาดหวังที่จะเดินหน้าประเทศไทย หวังให้เกิดการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นในการเป็นประเทศประชาธิปไตย ก็จำเป็นต้องจัดการทำงาน หรือปรับแก้วิธีการทำงานในเรื่องดังกล่าวให้ถูกทิศถูกทาง
ไม่ใช่เต้นแร้งเต้นกาโฆษณาตัวเองในเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างที่ชอบทำกันในขณะนี้ ในขณะที่ชาวบ้านร้านช่องกำลังประสบปัญหาอย่างหนักทางเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี