ความไม่รู้ของคนไม่ใช่ความผิด แต่ที่ผิดอย่างมากก็คือ คนที่ไม่รู้ แต่กลับป่าวประกาศโฆษณาชวนเชื่อว่าตนเองนั้นแสนรู้ รู้ไปเสียทุกเรื่อง แล้วยังแสดงความห่าม ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อว่าตนเองจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ
ในสังคมไทยมีคนห่ามเช่นนี้อยู่จำนวนหนึ่ง คนจำพวกนี้ไร้ประสบการณ์ ขาดความเข้าใจในข้อเท็จจริง แต่ทว่ามีชีวิตอยู่บนความเพ้อฝัน บางรายรวยล้นฟ้าก็จริง แต่ก็เป็นความรวยที่ตนเองได้รับมาจากมรดก หาได้เป็นความรวยที่ตนเองได้ก่อร่างสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงและด้วยความสามารถของตน เมื่อเป็นเช่นนี้ คนพรรค์อย่างว่าจึงหลงลำพองคิดว่าตนเองคือผู้ที่ประสบความสำเร็จ แล้วพาลคิดอหังการว่าตนเองเก่งฉกาจจนสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง เปลี่ยนแปลงสังคมได้
ความตื้นเขินของสติปัญญา จนกลายเป็นความเขลาของคนพรรค์อย่างที่ว่านี้ มีให้เห็นเป็นประจำในสังคมไทย โดยเฉพาะเหล่ากลุ่มคนที่สังคมเรียกด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนาว่า เด็กไร้เดียงสาแต่ทำปากกล้าจะลุกขึ้นมาจัดการเปลี่ยนแปลงประเทศ
เรื่องของเด็กไร้เดียงสาแต่ปากเก่งนี้ หากเป็นเด็กจริงๆก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู เช่น เด็กอายุ 5 ขวบ เล่นบทพ่อแม่ที่มีลูกแล้วเอาตุ๊กตามาทำเป็นลูก เดินอุ้มตุ๊กตาไปมา พร้อมกับบอกตุ๊กตาที่เขาคิดว่าเป็นลูก โดยพูดว่า โอ๋! อย่าร้องไห้นะลูก เดี๋ยวแม่เอานมให้กิน อย่าร้องนะลูก ต้องยอมรับว่าภาพเด็กเล่นบทพ่อแม่อุ้มตุ๊กตาแล้วเรียกเป็นลูก เป็นความไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดู
แต่สำหรับภาพ และพฤติกรรมของคนที่ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แต่เป็นคนอายุ 30 กว่าๆ เล่นบทลุกขึ้นมาตั้งพรรคการเมือง โดยทำปากกล้าว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ จะนำพาให้ประเทศชาติก้าวพ้นไปจากความล้าสมัย ความโบราณคร่ำครึ แล้วจะเข้ามาจัดการเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นไปตามรูปแบบที่พวกเขาต้องการ และอีกสารพัดจะคุยโวโอ้อวดตามแต่ปากจะพาไป แต่ทว่าเป็นปากที่ดูแล้วเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นปากที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยิ่งพูดออกมาแต่ละครั้ง ก็ล้วนแล้วแต่แสดงความตื้นเขินออกมาจนทำให้สังคมรู้สึกสมเพช
ด้วยความอหังการ และบ้าบิ่นด้วยความเขลา เนื่องจากไร้ประสบการณ์ และไร้ความเข้าใจในความเป็นจริงของสังคมของกลุ่มคนจำพวกที่ว่านี้ คนรุ่นเก่ารุ่นก่อนจึงมีคำกล่าวว่า คบเด็กสร้างบ้าน เพราะคนรุ่นเก่าประจักษ์ดีมาแล้วว่า สุดท้ายแล้วบ้านที่เด็กป่าวประกาศว่าจะสร้างขึ้นมานั้นจะไม่มีวันสำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบ แถมยังก่อให้เกิดปัญหาบานปลายติดตามมาอีกมากมายมหาศาล จนบทสุดท้ายคือ เด็กขี้คุยจอมโวต้องทิ้งสิ่งที่ได้โฆษณาชวนเชื่อไปโดยปริยาย เพราะไม่มีปัญญาทำให้มันเกิดขึ้นเป็นความจริงได้
อันที่จริง หากเด็กจอมโวขี้คุย และจอมอหังการจะลดความบ้าบิ่นของตนลง ตั้งสติให้มั่นแล้วค่อยๆ เก็บรวบรวมสั่งสมประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เรียนรู้ทั้งสิ่งที่เป็นบวกและลบที่เกิดขึ้นในสังคม เมื่อมีประสบการณ์ที่มากเพียงพอแล้ว จึงก้าวเดินไปตามความฝันของตน ความฝันนั้นก็จะเป็นฝันที่มีรากฐานมาจากความเป็นจริง ไม่ใช่ฝันเพ้อละเมอคลั่งไปตามสติปัญญาที่ตื้นเขินของตน
คนที่ตื้นเขิน และไร้ปัญญา คือคนขาดสติ คนจำพวกนี้ไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ เปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของประเทศไทย การที่คนจำพวกนี้คิดการใหญ่ ซึ่งเป็นการอันไม่บังควรได้เช่นนี้ ก็เพราะขาดสติ ขาดข้อเท็จจริง และขาดคนเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนให้ทำในสิ่งที่สมควร คนเช่นนี้คือคนที่มองโลกด้วยความไร้เดียงสา ชอบคิดเอาเองว่าตนเองมีปัญญาสร้างประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว คนจำพวกนี้ไม่มีความสามารถเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความสามารถแม้กระทั่งควบคุมพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในร่องในรอยของความเหมาะความควร ขอย้ำว่า คนพรรค์อย่างนี้ไม่มีปัญญานำพาหรือสร้างสรรค์ประเทศไทยได้เป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี