ได้พูดให้ฟังในตอนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้การก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ กำลังปรากฏให้เห็นมากขึ้นตามลำดับในประเทศต่างๆ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนมากมายดังเป็นข่าวให้ได้ยินและได้เห็นภาพกันแทบทุกวันในขณะนี้
และได้พูดให้ฟังในตอนที่ผ่านมาเช่นเดียวกันว่าประเทศไทยเราเองก็ยังมีจุดอ่อนหลายอย่าง ที่เอื้อต่อการดำเนินการของผู้ก่อการร้าย รวมถึงได้ชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไขสำคัญที่จะเกิดการก่อการร้ายว่ามีอะไรบ้าง ที่ผู้รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมืองต้องสังวรทั้งในด้านการป้องกันและปราบปราม
วันนี้มาว่ากันต่อ
มาว่ากันที่เรื่องขีดความสามารถและทรัพยากรพื้นฐาน ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกับผู้ก่อการร้ายกันบ้างว่าเป็นอย่างไร จะเห็นความแตกต่างกันดังนี้
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ
1. มีกำลังพลติดอาวุธดีกว่า และมีความพร้อมในเรื่องการส่งกำลังบำรุง ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงอาหาร
2. เคลื่อนย้ายกำลังได้คล่องแคล่วและดีกว่า รวดเร็วกว่า เพราะมียานพาหนะหลายประเภทที่สามารถนำมาใช้
3. มีระบบการติดต่อสื่อสารและเครือข่ายมากกว่า ซึ่งช่วยในการควบคุมการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่า
ฝ่ายผู้ก่อการร้าย
1. มีกำลังพลและอาวุธที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า รวมทั้งความยากลำบากในการส่งกำลังบำรุงไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรืออาหาร
2. เคลื่อนย้ายได้เฉพาะทางเท้า
3. ระบบการติดต่อสื่อสารและการประสานงานในการปฏิบัติการมีน้อยกว่า หรือแทบจะไม่มีเลย
นอกจากนี้แล้วยังมีความแตกต่างกันอีกดังต่อไปนี้
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ
1. ไม่รู้ว่าผู้ก่อการร้ายหลบซ่อนอยู่ที่ใด ทำให้ยากลำบากในการเคลื่อนย้ายติดตาม
2. ได้รับการสนับสนุนร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย
3. มีความยากลำบากในการหาข่าวความเคลื่อนไหวของขบวนการก่อการร้าย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ต้องการจะกระทำ
ฝ่ายผู้ก่อการร้าย
1. เป็นฝ่ายเลือกภูมิประเทศ ที่ตนเองสามารถหลบหลีกได้ทันท่วงที หรือสลายตัวปะปนอยู่ในพื้นที่
2. ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอาจจะมาจากเรื่องความสัมพันธ์อันดีกันมาก่อน หรือการข่มขู่ให้หวาดกลัว
3. สามารถหาข่าวสารการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ได้ง่าย ทั้งจากประชาชน หรือสายข่าวของตนที่มีปะปนอยู่ในเจ้าหน้าที่
จากการเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ก่อการร้ายได้เปรียบเจ้าหน้าที่หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับพื้นที่ ที่ตนเองสามารถเลือกปฏิบัติการได้ตามความพอใจ รวมถึงความร่วมมือที่จะได้รับจากคนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีความสามารถ หรือโอกาสอันดีในการซุ่มโจมตี หรือลอบสังหารเจ้าหน้าที่ หรือหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นพื้นที่ที่ตนรู้จักดีกว่าหรือคุ้นเคยกว่าเจ้าหน้าที่ ผู้ก่อการร้ายจะไม่เลือกพื้นที่ที่ตนเสียเปรียบ
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ก่อการร้าย
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ก่อการร้ายในขบวนการ หรือองค์กรการก่อการร้ายที่ชื่อเรียกขานกันในประเทศที่ประสบปัญหาเรื่องนี้ แม้คนเหล่านี้จะมีเชื้อชาติ ศาสนาและอาศัยอยู่ในประเทศที่มีรูปแบบการเมืองการปกครองที่ไม่เหมือนกัน แต่การกระทำของคนเหล่านี้มาจาก “ความรู้สึกร่วม” ที่เหมือนๆ กันนั่นก็คือ การกระทำของพวกเขาจะนำสิ่งที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคม หรือการที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางการเมือง การปกครอง ที่พวกเขาเห็นว่า เต็มไปด้วยความไม่ชอบธรรม กดขี่ข่มเหง หรือเลือกปฏิบัติ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความรู้สึกร่วมที่เหมือนๆ กันโดยไม่ต้องนัดแนะ ซึ่งก็คือ พวกเขาเป็นผู้เสียสละเพื่อมวลชนที่ตกอยู่ภายใต้ความไม่ชอบธรรม และการกดขี่ข่มเหงต่างๆ จากอำนาจที่กำลังปกครองอยู่ในขณะนั้น
พวกเขาเชื่อว่า แม้ในสายตาของผู้มีอำนาจรัฐจะมองว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายที่ทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง เป็นผู้ก่อความไม่สงบก็ตาม แต่ในสายตาหรือความรู้สึกร่วมของมวลชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกกดขี่ข่มเหง ปราศจากสิทธิเสรีภาพเท่าที่ควรมีแล้ว พวกเขาเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้กล้าหาญที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อมวลชนเหล่านั้น
พูดมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รู้จักเรื่องการก่อการร้ายที่กำลังขยายตัวอย่างกว้างขวางในประเทศต่างๆขณะนี้ ซึ่งผู้มีหน้าที่ในการบริหารปกครองบ้านเมืองต้องตระหนักให้ดีในการดูแลความมั่นคงปลอดภัย ว่าสมควรจะทำอย่างไรในเรื่องนี้ก่อนจะเกิดเรื่องดังกล่าว
ผู้ก่อการร้ายไม่กลัวเสียงโว้กว้ากนะจะบอกให้
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี