ทำไมค่าเงินบาทจึงแข็งถึงเพียงนี้ นี่คือคำถามของคนที่เป็นผู้ส่งสินค้าออกไปขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้เงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
หลายคนที่สนใจเรื่องปัญหาค่าเงินบาทแข็ง โดยเฉพาะคนที่ได้รับผลกระทบด้านลบอาจจะถามต่อไปว่า ก็ในเมื่อเศรษฐกิจไทยไม่ดีเลย เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวอย่างมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยไม่สดใส โดยเห็นได้จากการปรับลดตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจลง โดยระบุว่าไม่น่าจะเติบโตที่ระดับประมาณ 2.8 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยประมาณการว่าจะเติบโตถึง 3.8 เปอร์เซ็นต์ แล้วเหตุใดค่าเงินบาทจึงแข็งอย่างน่าอัศจรรย์ได้ถึงเพียงนี้ แถมยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นลงอีกครั้ง
จากข้อมูลในข้างต้น ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าแล้วเหตุใดค่าเงินบาทจึงยังคงแข็งอย่างต่อเนื่อง และถือได้ว่าแข็งค่ามากที่สุดในระยะเวลารอบ 6 ปี ทั้งนี้บางคนก็คาดการณ์ด้วยว่าค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะแตะระดับ 25-26 บาทต่อดอลลาร์ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นการคาดการณ์ที่ดูเกินจริงมากไปสักหน่อย แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หากค่าเงินบาทยังแข็งเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
การที่ค่าเงินบาทแข็งนั้น หากพูดตามหลักง่ายๆก็น่าจะเชื่อว่าเป็นเพราะมีผู้ต้องการเงินบาทเป็นจำนวนมากมาย คำถามที่ตามมาคือ ใครกันเล่าที่เป็นผู้ต้องการเงินบาท
ขออธิบายด้วยหลักวิชาการที่ทำให้เข้าใจได้โดยง่ายดังนี้คือ เรื่องค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อนมีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับดุลชำระเงิน ซึ่งดุลชำระเงินประกอบด้วย สามส่วนคือดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลบัญชีทุน และดุลบัญชีเงินสำรองระหว่างประเทศ (หลายคนที่ไม่ได้เรียนด้านการเงินอาจจะรู้สึกเวียนศีรษะเมื่อพูดเรื่องดุลต่างๆ) อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตพูดให้เข้าใจง่ายๆ ดีกว่าคือ ไทยได้เงินจากดุลการค้ามาโดยตลอด โดยเฉพาะไทยมีดุลการค้าเกินดุลมาโดยตลอด ผู้ส่งออกของไทยนั้นเมื่อได้เงินดอลลาร์มาก็ต้องแลกเป็นเงินบาท ซึ่งคนกลุ่มนี้ ทำให้เกิดความต้องการเงินบาทมากขึ้น ขณะเดียวกันไทยมีดุลบริการเกินดุลมาโดยตลอด และนี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง อีกประเด็นหนึ่งคือไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงมาก นั่นคือไทยมีเงินไหลเข้าประเทศมากกว่าเงินไหลออก
ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งคือ ปัจจุบันไทยมีสภาพเกินดุลการชำระเงิน ซึ่งสภาพเช่นนี้ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง แต่ตรงกันข้าม หากไทยอยู่ในสภาพขาดดุลการชำระเงิน จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือไทยอยู่ในสภาพเกินดุลการชำระเงิน เพราะฉะนั้นค่าเงินบาทจึงแข็ง
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับประเทศไทย แต่ปัญหาสำคัญเช่นนี้ไม่สนุกไม่เร้าใจเท่ากับการอ่านข่าวหรืออ่านเรื่องนักการเมืองทะเลาะกัน ด่ากัน เพราะเรื่องนักการเมืองด่ากันมันเข้าใจได้ง่ายและมีสีสันมากกว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ถึงกระนั้นก็อยากจะบอกว่า ขอให้คนไทยสนใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไว้บ้าง เพราะมันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะเมื่อเงินบาทแข็งผู้ส่งออกของไทยก็จะบ่น เนื่องจากเมื่อแลกเงินดอลลาร์เป็นเงินบาท แล้วได้เงินบาทน้อยกว่าช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อน แต่ในมุมกลับกันคนไทยหรือใครก็ตามที่อยู่ในไทยแล้วนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา เขาก็จะได้ผลประโยชน์ เพราะราคาสินค้าจะถูกลงโดยทันที เนื่องจากจ่ายเงินบาทน้อยแต่แลกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้มาก หรือใช้เงินบาทน้อยแต่เที่ยวต่างประเทศได้นานขึ้น เห็นหรือยังว่าค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็งก็ตาม มันจะมีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครได้และใครเสีย คนได้ก็จะหุบปากแล้วยิ้มร่า ส่วนคนเสียก็ต้องเอะอะโวยวาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี