ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมถือครองหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ในวันที่ 20 พฤศจิกายน
แต่ปรากฏความเคลื่อนไหวจากฝ่ายนายธนาธรและพวก อย่างต่อเนื่อง สอดประสานไปในทิศทางที่มุ่งโจมตี กดดัน ใส่ร้ายกล่าวหาการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ
1. นายธนาธรแถลงโจมตีการพิจารณาคดี อ้างว่าเป็นการแถลงปิดคดีนอกศาล ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ท่ามกลางการให้กำลังใจของลูกน้อง กรรมการบริหาร สส. ผู้สนับสนุนของพรรค
นายธนาธรอ้างว่า บริษัทวี-ลัคฯได้ยุติกิจการไปแล้ว จึงไม่ได้เป็นสื่อมวลชน ทำนิตยสารไม่เคยให้คุณให้โทษทางการเมือง จึงไม่ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และตนโอนหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 และยังโจมตีกระบวนการพิจารณาคดีไม่เป็นธรรม โจมตีแม้กระทั่งอายุตุลาการ โจมตี กกต.ว่ายังสอบไม่เสร็จกลับส่งให้ศาลรับพิจารณา
นายธนาธร พูดเอง เออเอง แล้วสรุปเองว่า
“จากทั้ง 4 ข้อ ถ้าถามผมว่าผมผิดอะไร
คำตอบคือ มันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ แต่ความผิดของผมคือ การต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.
ผมฝันเห็นว่า ทุกคนเท่าเทียมกันมีนิติรัฐนิติธรรม เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้า และประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหาร ความฝันเช่นนี้มันเป็นผิดบาปมากนักเหรอครับในประเทศนี้”
เป็นการพูดเอง เออเอง ชงเอง ตบเอง เสมือนเขียนบทเอง เล่นเองปรบมือเอง
พูดไป พูดมา จากคดีหุ้นสื่อ ที่มีผู้สมัครจากหลายพรรคถูกร้องศาลเหมือนกันกลับกลายมาเป็น คสช.ผิด เผด็จการผิด แต่ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ได้อย่างหน้าตาเฉย
ที่สำคัญ ไม่เห็นหักล้างคำคัดค้านคำชี้แจงของ กกต.ได้เลย
(1) บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ได้มีการจดแจ้งวัตถุประสงค์ตามหนังสือบริคณห์สนธิต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าเป็นผู้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนใดๆ ประกอบกับตามแบบนําส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจ
การค้า กระทรวงพาณิชย์ (งบการเงิน) บริษัทมีรายได้จากการขายนิตยสารและการให้บริการโฆษณา/รายได้อื่น รวมทั้งแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท ระบุว่าประกอบกิจการ ออกหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือพิมพ์หนังสือจําหน่าย จึงถือว่าเป็นการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
(2) บริษัท วี-ลัคฯ มิได้แสดงหลักฐานใดให้เห็นว่า บริษัท ได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อยกเลิกเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ หรือ เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ตามพระราชบัญญัติจดแจ้ง การพิมพ์ พ.ศ. 2550 แม้จะกล่าวอ้างว่าได้เลิกจ้างลูกจ้างทั้งหมด เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 แต่เมื่อบริษัทยังมิได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและจดทะเบียนเสร็จการชําระบัญชี (ขณะนั้น) บริษัทก็สามารถจ้างลูกจ้าง เพื่อประกอบกิจการต่อไปได้ จึงเห็นว่าบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด เป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
(3) สําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ปรากฏชื่อผู้ถูกร้อง (นายธนาธร) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว จํานวน 675,000 หุ้น เลขหมายของหุ้น ตั้งแต่ 1350001 ถึง 2025000 ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558 โดยผู้ถูกร้องได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562 (หลังวันสมัครรับเลือกตั้ง) ผู้ถูกร้องได้โอนหุ้นหมายเลขดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดให้แก่ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เป็นผู้รับโอนหุ้นแทน
(4) ที่อ้างว่า กกต.ยังสอบสวนไม่เสร็จ กลับรีบส่งสำนวนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการกล่าวไม่ตรงความจริง เพราะ กกต.ได้ชี้แจงไปหลายรอบแล้วว่า สำนวนส่วนนี้สอบเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนมีมติและยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แต่ที่ยังมีหนังสือเรียกให้บุคคลมาชี้แจงอีกนั้น เป็นคดีเกี่ยวกับการกระทำที่อาจผิดกฎหมายเลือกตั้งในประเด็นว่า รู้หรือควรรู้ว่าไม่มีคุณสมัคร สส.แต่ยังฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งปมนี้ถ้าผิดจะมีโทษจำคุก เป็นคนละสำนวน คนละประเด็นกัน
2. หลังจากนั้น พรรคอนาคตใหม่จัดกิจกรรม “อยู่.ไม่.เป็น” มีการปราศรัยของ สส.และแกนนำพรรค จัดเวทีแสงสีเสียงทันสมัย พร้อมการแสดงดนตรีกระตุ้นปลุกเร้า
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวปราศรัยว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องออกมาอยู่ไม่เป็น ทั้งที่รู้ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบมาให้เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลง แต่เรามีความตั้งใจมุ่งมั่นพอที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ได้เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดรัฐประหารอีก ด้วยความคิดความอ่านแบบนี้หลังจากที่เราได้ สส.81 คน กลายเป็นพรรคที่คนพูดถึง จึงนำมาซึ่งคดีความถึง 25 คดี ยืนยันว่าเราไม่ใช่พวกชังชาติ แต่เราคือพวกรักชาติ และยืนยันว่าพวกเราไม่ใช่พวกล้มเจ้า เราต้องการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ถูกยกย่องเทิดทูน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปราศรัยปิดท้ายว่า ก่อนที่จะเลือกเส้นทาง “อยู่ไม่เป็น” ตนมีแต่ชีวิตที่สะดวกสบาย จัดสรรเวลาให้ครอบครัวเพื่อนฝูงและงานอดิเรก แต่วันที่เลือกมาทางนี้มีแต่คนถากถาง บอกว่าการเมืองมันสกปรก แต่เชื่อว่าถ้าเราจริงใจ หนักแน่นพอเราจะเปลี่ยนแปลงโลกได้
3. ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น...
นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม เนื้อหาปลุกระดมให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยระบุว่า “...ประชาชนมีอำนาจปกป้องเราได้ วันที่ 23 ตุลาคมนี้ ขอให้ช่วยกันเลือกพรรคอนาคตใหม่ให้ได้คะเเนนถล่มทลาย ได้ 50,000-70,000 คะเเนน ใครหน้าไหนจะกล้ายุบอนาคตใหม่ หรือเอาธนาธรเข้าคุก..”
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์หลายครั้งพาดพิงศาล โจมตีศาล ได้กล่าวปราศรัยเลือกตั้งซ่อมที่นครปฐมว่า “คดีความโดนยัดมาเรื่อยๆ ยอดตัวเลขคดีเพิ่มขึ้นหลังเลือกตั้ง แสดงว่าผู้มีอำนาจในประเทศนี้กลัวพรรคอนาคตใหม่ กังวลใจว่าพรรคจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองไทย กลัวสูญเสียอำนาจเเละประโยชน์ที่ได้รับ จึงเจอคดีกันเยอะ.. ยุคนี้คนไม่ชอบใช้กำลังทหารยึดอำนาจ เขาก็ต้องหาวิธีใหม่ ใช้อาวุธไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย lawfare ซึ่งสุดท้ายศาลจะเป็นคนตัดสิน ดังนั้น ก็ต้องต่อสู้กันไป ซึ่งไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามตนว่า อาจารย์จะรอดไหม ซึ่งตนก็ตอบไปว่า ถ้าให้ตนเป็นผู้พิพากษา ก็เขียนคำพิพากษาให้รอดได้...”
ตัวนายธนาธร ก่อนหน้าก็เคยให้สัมภาษณ์นักข่าวบางกอกโพสต์โจมตีการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมอย่างร้ายแรง ระบุทำนองว่า คดีที่ทักษิณถูกพิพากษาลงโทษนั้นไม่เป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดทักษิณ จะต้องคืนความยุติธรรมให้ทักษิณ จะต้องรื้อคดีต่างๆ พิจารณาคดีใหม่ และผู้พิพากษาต้องเป็นกลาง
4. นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อดีตผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความว่า“ งาน “อยู่ไม่เป็น” จัดเพื่อคอนเฟิร์มความ “อยู่เป็น” ของตัวเอง ขำฉิบหาย”
ทั้งหมด น่าจะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ธาตุแท้ของคนเหล่านี้ จริงใจใสซื่อ หรือปากอย่างใจอย่าง?
เมื่อเผชิญกับคดีตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ที่พวกตนอาจไม่มั่นใจว่าจะรอด แสดงท่าทีอย่างไร? ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ หลายคำร้อง กกต.ก็ตีตกไป หรือบางคดีอาญาอัยการก็สั่งไม่ฟ้องไป
คนพวกนี้ ก็ไม่ยักพูดว่า เพราะ “อยู่เป็น” หรือ “อยู่ไม่เป็น”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี