ไม่ทราบว่าคุณได้ฟัง ได้อ่านคำโต้แย้งศาลรัฐธรรมนูญด้วยคำพูด และข้อเขียนต่างๆ นานาจากนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้อ่านหรือฟัง แล้วหากคุณต้องการจะทราบว่านายธนาธรกล่าวอะไรไว้บ้าง ก็ขอให้คุณไปหาอ่านได้จากหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอข่าวการเมือง
ถ้าคุณได้อ่านหรือได้ฟังคำพูดต่างๆ ของนายธนาธร แล้ว ขอให้คุณกรุณาตอบคำถามต่อไปนี้
1.นายธนาธรเชื่อฟังและน้อมรับคำตัดสินของศาล หรือจงใจหมิ่นประมาทศาล
2.นายธนาธรสำนึกหรือไม่ว่าการกระทำของตน โดยเฉพาะเรื่องการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย เป็นความผิด
3.การที่นายธนาธรมีพฤติกรรมดังปรากฏตามที่สาธารณชนพบเห็นได้นั้น ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดี หรือแบบอย่างที่เลวของนักการเมืองไทย
ตามปกติแล้ว การขึ้นศาลมีสองกรณีคือ ฝ่ายจำเลยเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้อง ส่วนฝ่ายโจทก์ก็เพื่อทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง (จำเลย) ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานที่จำเลยถูกระบุว่าได้กระทำความผิดลงไป
ศาลคือที่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคนสองฝ่าย คือ โจทก์และจำเลย การขึ้นศาลจึงเท่ากับทั้งสองฝ่ายยินยอมรับฟังคำพิพากษาของศาล มิใช่แค่เพียงรับฟังเท่านั้น แต่ต้องยินยอมปฏิบัติตนตามคำพิพากษาด้วย
แต่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสาธารณชนกลับพบว่า นายธนาธรแสดงอาการกราดเกรี้ยวต่อคำพิพากษาของศาลอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถเห็นได้ชัดจากคำพูดของนายธนาธรอีกด้วย
คำถามจึงมีอยู่ว่า นายธนาธรใช้หลักคิดอะไรกับการขึ้นไปต่อสู้บนศาล หรือว่านายธนาธรมั่นใจว่าตนเองต้องเป็นผู้ชนะบนศาลเท่านั้น ถ้านายธนาธรคิดเช่นนี้คือว่าตนเองต้องชนะ นายธนาธรก็ต้องหาพยานหลักฐานทั้งหมดทั้งสิ้นไปยืนยันต่อศาลให้ได้ แล้วพยานหลักฐานที่นำไปต่อสู้ก็ต้องสามารถโน้มน้าวให้ศาลเชื่อถือได้ว่าเป็นความจริงทุกสิ่งอย่าง
อย่าลืมว่านายธนาธรมีโอกาสหาพยานหลักฐานไปเพื่อใช้พิสูจน์ตนเองบนศาลนานหลายเดือน แต่เท่าที่ปรากฏคือพยานหลักฐานที่นายธนาธรนำไปกล่าวอ้างไม่สามารถทำให้ศาลเชื่อถือและคล้อยตามได้ ผลการพิพากษาจึงออกมา
ว่านายธนาธรเป็นฝ่ายกระทำความผิดจนไม่สามารถดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่สิ่งที่สาธารณชนพบก็คือดูเสมือนว่านายธนาธรไม่ได้แสดงความเคารพและเชื่อฟังคำพิพากษา
ดังนั้นสาธารณชนจึงตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วนายธนาธรจะให้ความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลหรือไม่ หรือว่านายธนาธรยังคงคิดว่าศาลพิพากษาอย่างไรก็เป็นเรื่องของศาล ส่วนตัวของเขาก็จะยังคงดำเนินพฤติกรรมเดิมๆ ต่อไป เพราะคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่การที่ศาลพิพากษาว่าตนเองผิด เป็นเพราะศาลไม่มีความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจเทียบเท่านายธนาธร
คำถามสุดท้ายที่สาธารณชนต้องตอบในประเด็นนี้คือ สาธารณชนต้องการนักการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบนายธนาธรใช่หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี