ปรากฏข่าวว่าชาวนา จ.บุรีรัมย์ นำกระสอบไปคลุมหลอดไฟฟ้าส่องสว่างข้างทางจำนวนรวม 7 ต้น บนถนนทางหลวงสาย นางรอง – ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
สอบถามชาวบ้านบอกว่า สาเหตุที่มีคนนำกระสอบมาคลุมเพื่อปิดแสงไฟถนน เพราะแสงไฟส่องนาข้าว ทำให้ข้าวไม่โต
สื่อมวลชนรายงานว่า บางคนให้ความเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน เป็นความเชื่อของคนบางกลุ่มเท่านั้น และคิดว่าคนนำกระสอบไปคลุมหลอดไฟคงจะคิดไปเอง
คำถามจึงมีอยู่ว่า ชาวนาที่นำกระสอบไปคลุมหลอดไฟทางหลวง ทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือชาวนามีความรู้ความเข้าใจดี ว่าแสงไฟส่องสว่างที่เปิดในเวลากลางคืนทำให้ต้นข้าวไม่โตหรือไม่ออกรวงข้าว?
ตอบ จากกรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม นายนวนิตย์ พลเคน ดำรงตำแหน่งเกษตรจังหวัด บุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุว่าตามหลักวิชาการแล้ว แสงไฟส่องสว่างกระทบต้นข้าวทำให้เจริญเติบโตช้าและไม่ออกรวงจริง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ 105 ที่เกษตรกรภาคอีสานนิยมปลูกเพราะเป็นที่ต้องการของตลาดจะมีความไวต่อช่วงแสงซึ่งปกติข้าวชนิดนี้ต้องการช่วงแสงไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน หากโดนแสงนานกว่านั้น จะทำให้ข้าวเจริญเติบโตช้าและไม่ออกรวง ก็จะทำให้ได้ผลผลิตลดลง
ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรในหลายพื้นที่หลายอำเภอ ที่มีนาข้าวอยู่ใกล้กับรัศมีของไฟฟ้าส่องสว่างริมถนน ว่าประสบปัญหาดังกล่าวและเคยนำเสนอเข้าที่ประชุมแล้ว ซึ่งจากกรณีดังกล่าวก็จะได้หารือกับทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบของเกษตรกร
คำตอบของเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ น่าจะยืนยันความเข้าใจที่ถูกต้องของชาวนา เพราะบริเวณดังกล่าวชาวนาปลูกข้าวหอมมะลิ เป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสง หมายความว่าต้นข้าวหอมมะลิที่เป็นพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของไทย ซึ่งมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกันจะผสมพันธุ์ ตั้งท้อง และออกดอกเมื่อช่วงกลางวันที่มีแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมง คือกลางวันยาวลดลงเหลือ 11 ชั่วโมง 40 – 50 นาที หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งมีความหมายว่าวันที่มีช่วงกลางคืนยาวเกิน12 ชั่วโมง 10 นาที
ถาม แล้วทำไมจึงมีข่าวว่า ชาวนาจึงมาปิดแสงหลอดไฟส่องสว่างในเดือนพฤศจิกายน
ตอบ ก็เพราะช่วงที่มีแสงจากดวงอาทิตย์ในแต่ละวันของแต่ละเดือนในรอบปีจะแตกต่างกัน อย่างที่เรารู้กันว่าหน้าร้อนกลางวันจะยาว หน้าหนาวกลางวันจะสั้นคือช่วงที่กลางวันยาวสุดก็อยู่ในเดือนมิถุนายนส่วนช่วงที่กลางวันสั้นสุด (กลางคืนยาวสุด) ก็จะอยู่ที่เดือนธันวาคม
ระหว่าง มิถุนายน ถึง ธันวาคม ช่วงแสงกลางวันและช่วงมืดกลางคืนก็จะลดหลั่นกันไปดังนั้นช่วงเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ก็เป็นช่วงที่ข้าวหอมมะลิที่ไวต่อช่วงแสงจะออกดอก ผสมพันธุ์ ตั้งท้อง แล้วออกรวง
ถาม ถ้าอย่างนั้นชาวนาก็ไม่โง่สิครับ
ตอบ ใช่ครับ เกษตรกรเติบโตมาดำรงชีพด้วยการสังเกตเพื่อเข้าใจความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งในชีวิตเขาอาจจะอธิบายเป็นระบบเหมือนนักวิชาการไม่ได้แต่ก็ไม่ควรจะด่วนสรุปว่าชาวบ้านโง่หรือคิดไปเองเสียทุกเรื่อง
ถาม อย่างนี้ชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลิ (ข้าวไวต่อช่วงแสง ) พันธุ์เดียวกัน ในพื้นที่ติดกัน ก็จะออกผลผลิตเวลาใกล้กันใช่ไหม
ตอบ ใช่ครับ ด้วยเหตุนี้ข้าวที่ปลูกและที่ได้รับแสงจากไฟส่องถนน จึงได้ข้าวที่ลำต้นใหญ่ ชาวบ้านบอกว่าเขียวดีแต่ไม่ออกรวง ต่างกับบริเวณถัดไปที่ไม่ได้รับแสงไฟส่องสว่างข้าวก็จะออกรวงสีเหลืองเต็มทุ่ง
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ชาวนาเชียงราย พิษณุโลก ยโสธร ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ลพบุรี อ่างทอง และลงใต้ไปจนถึงสุราษฎร์ธานี ปัตตานี ก็จะเก็บเกี่ยวข้าวไม่พร้อมกัน เพราะข้าวนาปี (ข้าวไวต่อช่วงแสง) ได้รับช่วงแสงในแต่ละพื้นที่ต่างกัน
ถาม กระทั่งล่าสุดแขวงทางชนบท ออกมาระบุว่าชาวนาไม่สามารถนำกระสอบไปปิดหลอดไฟได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของทางราชการจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ทางหลวง และล่าสุดได้ให้เจ้าหน้าที่ไปเก็บรื้อกระสอบปุ๋ยและสแลนออกจากหลอดไฟแล้ว เพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้สัญจร
ตอบ เจ้าหน้าที่ราชการเขาแยกกันทำงาน ฝ่ายดูแลถนนก็ดูแลและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กฎหมายของตนไม่ได้ดูภาพรวม
ยิ่งเขาให้ความสำคัญแก่คนใช้ถนนเป็นหลักมากกว่าผลกระทบต่อชาวนา เขาก็สั่งรื้อกระสอบคลุมโคมไฟออก และอาจดำเนินคดีเอาผิดชาวนาได้อีกด้วย
ถาม แล้วเกษตรจังหวัด ก็ดูจะรู้เรื่องนี้ดีว่าเหตุใดแสงสว่างจากหลอดไฟถนนเป็นต้นเหตุกระทบต่อข้าวหอมมะลิของชาวนา แต่ทำไมตอบคำถามนักข่าวว่า
“อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นก็ได้ไปทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่เจอปัญหาในลักษณะดังกล่าวแล้วซึ่งวิธีการหลีกเลี่ยงหากไม่สามารถที่จะปิดไฟส่องสว่างได้ เกษตรกรก็จะต้องปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่ไม่มีความไวต่อแสง แต่ก็ค่อนข้างจะยากเพราะนาปีส่วนใหญ่ที่เกษตรกรปลูกจะเป็นข้าวหอมมะลิ 105”
ตอบ ข้าราชการและผู้บริหารงาน จำนวนมากมักจะให้ความสำคัญกับผู้ใช้รถและถนนเป็นหลัก จึงต้องไปทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่เจอปัญหาและก็ขอให้ชาวนาเป็นผู้รับภาระแก้ปัญหาโดยให้ชาวนาหลีกเลี่ยงการปลูกข้าวหอมมะลิ ไปปลูกข้าวนาปรัง (ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง) แทน
การแก้ปัญหาโดยให้ชาวนาเสียสละดูอาจจะเป็นทางออกที่ง่าย แต่ชาวนาต้องเสียโอกาสจะมีรายได้จากการปลูกข้าวพันธุ์ดีขายได้ราคาแพง ไปปลูกข้าวนาปรังที่คุณภาพต่ำกว่าราคาก็ขายได้ต่ำกว่ามาก
ยิ่งกว่านั้นเมื่อบริเวณท้องทุ่งนี้เขาปลูกข้าวหอมมะลิกัน จะปลูกข้าวอย่างอื่นก็อาจมีผลกระทบตามมาเพราะเวลาเก็บเกี่ยวไม่พร้อมกัน ข้าวที่ปลูกใกล้เคียงก็อาจผสมข้ามสายพันธุ์ หรือแม้แต่เมล็ดข้าวเปลือกที่เกี่ยวได้ก็อาจผสมกันได้
ถาม แล้วทางออกที่จะไม่โยนภาระไปให้เกษตรกรจะทำอย่างไร
ตอบ ดีมากครับ ถ้าตั้งโจทย์ให้กว้างขึ้นเราก็อาจคิดคำตอบได้หลากหลายมากขึ้น เช่น
1)เปลี่ยนหลอดไฟส่องสว่างเป็นประเภทมีลำแสงลงเฉพาะบริเวณถนน และถ้าหากไม่เป็นผลเพราะหลอดไฟอยู่สูงมากก็อาจหาหลอดไฟแบบอื่นๆ นำมาติดในระยะต่ำๆใกล้ผิวถนนเป็นการชั่วคราวในช่วงเดือน ตุลาคม – ธันวาคม
2)ติดไฟ LED ที่ขอบถนนเพื่อบอกระยะของขอบถนนก็น่าจะทดลอง
ทำดูเพราะรถยนต์ก็มีไฟหน้ารถอยู่แล้ว
3)ใช้เทคโนโลยีอื่นๆเข้าช่วย ที่อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าให้ชาวนารับภาระเปลี่ยนไปปลูกข้าวอย่างอื่น หรือให้ชาวนาต้องปีนเสาไฟนำกระสอบไปคลุมโคมไฟส่องสว่างบนเสาสูง
4)ถ้าหาแนวทางแก้ไขไม่ได้ด้วยเทคโนโลยีส่องสว่างเฉพาะจุดและจะใช้ไฟส่องสว่างเหมือนเดิม รัฐก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ชาวนาบริเวณนั้น และเก็บภาษีจากผู้ใช้รถยนต์ ผู้ได้ประโยชน์จากไฟส่องสว่างมาชดเชย
ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใหญ่โตอะไร แต่ให้แง่คิดความรู้มากมาย หากผู้ศึกษาและผู้สนใจจะได้คิดวิเคราะห์แลกเปลี่ยน ก็จะได้เรียนรู้ประเด็นต่างๆ มากมาย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี