“หนังสือพิมพ์แนวหน้า” จรรยาบรรณ-อุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”บรรจงร้อยเรียงข้อเท็จจริงในสังคมไทยทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม มาเพื่อผู้มีอุปการคุณได้บริโภคข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำ ประเดิมประเด็น “บุคคลแนวหน้า” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอเริ่มต้นด้วยคำพิพากษา “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง” ได้นัดฟังคำพิพากษา “คดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทยให้ “กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร” ในสมัย “หน้าเหลี่ยม-ทักษิณ ชินวัตร” เรืองอำนาจ ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “โอ๊ค-นายพานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83และ 91 หลังพบว่ามีการโอนเช็คเข้าบัญชีนายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 10 ล้านบาทจากอดีตผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากบอร์ดธนาคารกรุงไทยทว่า “ศาลฯพิพากษายกฟ้อง” เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่าเงิน 10 ล้าน มาจากการกระทำความผิด...
nn เปิดประเด็นลูกชายไปแล้ว มาสนใจดูประเด็นผู้พ่อบ้างเถอะ โดยเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “องค์คณะอุทธรณ์ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีนักการเมือง” พิพากษายืน “ยกฟ้องทักษิณ ชินวัตร” ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 กรณีให้กระทรวงการคลังแทรกแซงการ “ฟื้นฟูทีพีไอ” ไม่ได้ว่าเอื้อประโยชน์พวกพ้อง “ไม้หน้าสาม” ขอแสดงความยินดีกับ “พ่อ-ลูก” ที่ศาลยกฟ้องครั้งนี้ ทว่าไฉน “กลุ่มก้อนการเมืองสมุนของทักษิณ” จึงเงียบกริบไม่วิพากษ์วิจารณ์แสดงวิสัยทัศน์ด้วยอาการ “สมองหมา-ปัญญาควาย”เหมือนกับหลายคดีที่ “นายใหญ่-สมุน” ถูกศาลชี้มูลผิด นี่แหละมาตรฐานของ “คนการเมืองแบบไทย”...
nn อีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึงเหล่า “ส่ำสัตว์และเดรัจฉานการเมือง” กรณี “ซูเปอร์โพล” ภายใต้การควบคุมของ “นพดล กรรณิกา” ที่สำรวจออกมาแล้วพบว่า ปชช.ให้คะแนน “ครม.ลุงตู่” ขยันทำงานหนักเพื่อชาติ-มือสะอาด คนส่วนใหญ่ชอบลุงตู่เป็นกันเองเรียบง่ายมากกว่าทักษิณ เชื่อหากเข้าถึงกลุ่มโซเชียลมากขึ้น จะพา “ก้าวข้ามทักษิณ” ได้แน่ ทำเอาเหล่าส่ำสัตว์เดรัจฉานการเมืองติ่งแม้ว” ทั้ง “ไอ้-อี” ถึงกับดิ้นเร่าๆเห่าหอนหยัน “ซูเปอร์โพล” ก็แค่ “ซูเปอร์อวย” ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนภาครัฐจัดสำรวจขึ้นเพื่อ “เอาใจลุงตู่”...
nn “ไม้หน้าสาม” อนาถใจกับพฤติกรรมสส. ทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน หลายคนออกมาแสดง “สันดาน”ส่อแสดงให้เห็นถึง “วุฒิภาวะ”ไม่สมเกียรติสมราคาในฐานะ “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” ไร้สัมมาคารวะ อ่อนด้อย สับสนในบทบาทหน้าที่ ไร้ความรู้ความสามารถ ไม่สมราคาที่โฆษณาหาเสียงกับประชาชน...
nn“ไม้หน้าสาม” ไม่ได้แกล้งกล่าวหา ตำหนิติเตียนในเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะล่าสุด “พรรคอนาคตใหม่” ทำการเมืองเหมือนเด็กเล่นขายของ ข้อกฎหมายก็อ่อนด้อยไร้เดียงสา แค่ “ไก่อ่อน-หนอนใบชา” แต่ปากกล้ายกตัวว่า “พญาอินทรี” อวดดีอวดเก่ง “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” อย่าง “ตี๋ทอน-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แค่คิดก็เสียวสันหลังไปทั้งแผ่นดินแล้ว หลังออกมาแสดงท่าทีไม่ยอมรับคำตัดสิน “ศาลรัฐธรรมนูญ” ชนิดเอากำปั้นทุบดินบิดเบือนคำสั่งศาล แค่การบริหารจัดการโอนหุ้นสื่อฯ ยังสอบไม่ผ่าน...แล้วจะมาเสนอหน้าบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร??? ปล่อยเงินกู้พรรค 91 ล้านบาท ก็มาแถว่าเป็น “หนี้สิน” ตาม “ระบบบัญชี” แต่นี่มันพรรคการเมือง ไม่ใช่กลุ่มบริษัทจำกัด ถ้าคิดเยี่ยงนั้นก็คงต้องพิสูจน์กับศาลฯในอนาคตอันใกล้นี้ ไปกล่าวหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความรู้ทางธุรกิจจึงตัดสินผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับพรรคการเมือง “ฤๅษีแปลงสาร” พฤติกรรมมั่วนิ่มงานถนัดเลยทำให้การเมืองสับสนวุ่นวาย หัวหน้าพรรคมีพฤติกรรมเช่นนี้ มาดูบรรดาลูกพรรคอนาคตใหม่บ้าง หลังศาลชี้เปรี้ยงให้สิ้นสภาพสส. ต่างพากันไปช่วยขีดเขียนข้อความหลากหลายความคิดเห็นในเชิงการให้กำลังใจ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บริเวณประตูกระจกภายในอาคารัฐสภา ซึ่งเป็นอาคารสถานที่ราชการ พฤติกรรมไม่ต่างอะไรจาก “เด็กสถุลมือบอนที่ชอบสร้างวาทศิลป์ผนังห้องน้ำ” เขียนท้าตีท้าต่อยบนกำแพงพื้นที่สาธารณะ “นายหัวชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ ก็คงจะเหน็ดเหนื่อยปวดเศียรเวียนเกล้าเอาการ ยิ่งกว่า “ฤๅษีเลี้ยงลิง” ในสมัย “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” เมื่อปี 2519 เสียอีก...
nn ซึ่งการขีดเขียนนี้แสดงถึงความไม่เคารพต่อสถานที่ ยังเป็นการทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหายหรือไม่??? เลขาฯสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบด่วนอย่าใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระประเด็น “เล่นไม่เลิก”ของ “ผู้เฒ่ากะโหลกกะลา” ไม่เช่นนั้นคงเห็น “สส.มือบอน พฤติกรรมเด็กสถุล”ละเลงข้อความเปื้อนหมึกเต็มรัฐสภาบ่นปี้เป็นแน่...
nn นี่ก็ฝีมือ “พรรคอนาคตใหม่” ขยัน “ประดิดประดอยวาทกรรมการเมือง”อย่างต่อเนื่ือง ล่าสุด “สาวต้อคอสั้นหุ่นถังเบียร์ ช่อ-พรรณิการ์” ที่สมองหลั่ง “สารสื่อประสาท” ออกมาโดยระบุว่าพบคำศัพท์ใหม่ที่สะท้อนภาพและอรรถาธิบายการเมืองไทยยุคสมัยปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดีว่า “Electoral Autocracy” หรือ “เผด็จการที่มีการเลือกตั้ง” ก่อนหน้านี้ไทยเคยผ่านยุค “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ยุคนี้นักวิชาการหลายท่านเริ่มใช้คำว่า “เผด็จการครึ่งใบ” เนื่องจากมีความเป็น “เผด็จการ” มากกว่า “ประชาธิปไตย”...
nn นี่ก็ผลงาน“พรรคอนาคตใหม่” อีกหนึ่งพฤติกรรม “ความหลากหลายทางเพศ”ด้วยความเคารพ “เพศที่สาม” สังคมไทยเราให้โอกาสความเท่าเทียม แต่กรุณาอย่า “โง่เขลาเบาปัญญา” สะท้อนให้เห็นถึง “หยักสมอง” ที่ขาดการเรียนรู้อย่างถ่องแท้ กรณี “ครูธัญ-ธัญวัจน์กมลวงศ์วัฒน์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 1 ใน 4 สส. LGBT แสดงความเห็นเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “หากกะเทยมีความศรัทธาในศาสนา ทำไมสังคมบางส่วนจึงมองว่า เป็นพระตุ๊ด พระแต๋ว และไม่เหมาะสม ความศรัทธาทำไมจึงมีเรื่องเพศที่กำหนดการเข้าถึง มันไม่ควรจะเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ใช่หรือจะให้วิบัติ วิปริตไปถึงไหนกัน จะดัดจริตวิปริตอย่างไรเอาแต่พอดีพองาม “ศึกษาข้อบัญญัติทางพุทธศาสนา-พระธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า”ให้ถ่องแท้ค่อยโหยหวนเห่าหอนเถิด!!! “ไม้หน้าสาม” แค่จะบอกว่า “ดูกรท่านผู้เจริญ-อย่าท้านรก”หักพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้วแต่ครั้งพุทธกาล เป็นคุณครูจะสั่งสอนผู้อื่นให้เป็นคนเต็มคน ความเท่าเทียมมันย่อมมีประมาณ อย่าบ้าจี้ให้เกินงาม “ชายไทยแท้ที่บวชเรียน” เวลา“พระอุปัชฌาย์ขานนาค” ท่านจะถามว่า “บุรุษโสสิ” แปลความว่า “ท่านเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่” ถ้าใช่ก็ให้ขานตอบว่า “อามะ ภันเต”แปลว่า “ใช่” แต่ “ตุ๊ดแต๋วกะเทย”ที่บวชพระ ส่วนใหญ่จะผิดศีลข้อสี่ “มุสา” ตั้งใจกล่าวเท็จต่ออุปัชฌาย์ว่า อามะ ภันเต ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเพียง “บัณเฑาะก์” แปลว่า “กะเทย” เรื่องพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะพระธรรมวินัยถือเป็นหัวใจสำคัญ หากจะมาอ้างความเท่าเทียมหญิงชายเพศที่สามแล้ว ควรศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อน เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์ที่ดีงามของ “เพศที่สาม” เพราะความรู้น้อยด้อยปัญญา ฟังไม่ได้ศัพท์อย่าจับไปกระเดียดน่ะครับขอเขกกะโหลกหนาๆ ไว้พึงสังวร...
nn “ไม้หน้าสาม” ขอเชิญชวนคนไทยรวมใจเป็นหนึ่งส่งเสียงส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์ 2019 กีฬาของประชาคมชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีการชิงชัยทั้งสิ้น530 เหรียญ จากชนิดกีฬาทั้งสิ้น 56 ประเภท ซึ่งทัพนักกีฬาไทยในยุคพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คาดหวังว่าจะได้เหรียญทองถึง 121 เหรียญ เพื่อผงาดเป็นเจ้าซีเกมส์อีกครั้ง ซึ่งการแข่งขันกีฬารายการนี้ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จะถ่ายทอดสดให้ประชาชนคนไทยได้ลุ้นได้เชียร์ลูกหลานนักกีฬาไทยทุกวันสลับเวียนเปลี่ยนกันไปทุกช่องทั้งช่อง 3, 5, 7, 9 และเอ็นบีที...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี