รายงานข่าวระบุว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า หากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เสนอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ในการพัฒนาขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ เข้ามาที่กระทรวงคมนาคมเมื่อใด
ก่อนจะเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ตนจะเรียกประชุม 3 หน่วยงาน ได้แก่ ทอท. กรมทางหลวง (ทล.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่ออธิบายประเด็นที่ยังเป็นคำถาม โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ เช่น ทำให้กรมทางหลวงต้องมีการลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ (M7) สายศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.5 กม. วงเงินลงทุน 37,500 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น หรือเป็นโครงการในแผนที่กรมทางหลวงมีอยู่แล้ว และทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้สามารถชี้แจงรายละเอียดต่อ ครม.ได้ครบถ้วน
“ต้องคุยกันให้ชัดเจนในประเด็นที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นอย่างไร รวมถึงจะสอบถาม ทอท.ถึงแผนการก่อสร้างในส่วนของต่อขยายอาคารด้านตะวันออกและตะวันตกของอาคารเดิมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ทอท.ได้ชี้แจงเบื้องต้นว่าหากก่อสร้างในขณะนี้จะมีปัญหากระทบต่อการให้บริการ ทำให้การรองรับผู้โดยสารลดลงดังนั้นจึงต้องการก่อสร้างอาคารใหม่ด้านทิศเหนือให้เสร็จก่อนจึงจะขยายในด้านตะวันออกและตะวันตกได้”
1. หากปล่อยให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป รัฐมนตรีคมนาคมคงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ แม้ว่าจะได้เรียก 3 หน่วยงาน ภายใต้การกำกับดูแลของตนเองเข้ามาหารือแล้วก็ตาม
ฟังดูเหมือนเตรียมคำชี้แจง มากกว่าจะเป็นการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อพิจารณาตัดสินใจ หลังจากที่มีองค์กรวิชาชีพนับสิบหน่วยงานร้องเรียนในเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้ง
หากไม่มีอะไรหมกเม็ด เหตุใดรัฐมนตรีคมนาคม ไม่สั่งการให้ ทอท.ชี้แจงบนเวทีเดียวกันกับภาควิชาชีพที่ทักท้วงเรื่องนี้ด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการ
แทนที่จะปล่อยให้พูดกันคนละที คนละทาง ซึ่งคำอธิบายของ ทอท.ก็เปลี่ยนไปมาหลายเรื่อง เช่น เคยบอกว่าถ้าขยายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของอาคารผู้โดยสารก็จะต้องเสียพื้นที่ใช้งานในระหว่างก่อสร้างไปเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ถูกยันกลับจากทางสภาวิชาชีพสถาปนิกและวิศวกรรม แล้วก็เปลี่ยนคำอธิบายใหม่ไปอีก เป็นต้น
2. อาจารย์ต่อตระกูล ยมนาค ได้แจ้งข้อมูลว่า
“โครงการเทอร์มินอล 2 สุวรรณภูมิ 42,000 ล้านบาท ยังไม่หยุด!
ในเช้าวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นี้ ตัวแทนของ ทอท. และ ตัวแทนของ 12 องค์กรวิชาชีพ ที่โต้กันมาตลอด
ทั้ง 2 ฝ่าย จะได้รับเชิญจากกรรมาธิการติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎรให้เข้าไปให้ข้อมูล ในโครงการของ ทอท. ที่จะก่อสร้าง “เทอร์มินอล 2” แห่งใหม่
หวังว่า ทอท. จะมีผู้แทนที่จะมาร่วมฟังและร่วมซักถามวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ต่อหน้าคณะกรรมมาธิการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา สมดังความภูมิใจของทอท. ที่ได้ประกาศไว้ใน Core Value ขององค์กรว่าจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิด “ความโปร่งใสและสำนึกในความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และสำนึกในความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ต่อลูกค้า ต่อสังคม และประเทศชาติ”
และ ทอท. ต้องไม่ลืมเรื่องจริยธรรมขององค์กรที่ได้ประกาศออกมาใน “ประมวลจริยธรรมของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2554” ที่มีทั้งหมดรวม 9 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อที่ 6ที่มีใจความสำคัญที่สุด ที่ต้องถือปฏิบัติว่า “การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง”..”
น่าสนใจว่า ทอท.จะไปชี้แจงด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือไม่?
3. คำโต้แย้งที่เคยพูดกันคนละเวที แล้วแฟนเพจ “National Engineering2019 วิศวกรรมแห่งชาติ 2562 วันที่ 13-15 พ.ย. 2562” ได้รวบรวมคำชี้แจงสนับสนุนการก่อสร้างเทอร์มินอลตัดแปะ ซึ่งเพจ AOT OFFICIAL นำมาลงไว้ จากนั้นเพจงานวิศกรรมแห่งชาติได้นำข้อมูลจากทางองค์กรวิชาชีพและนักวิชาการที่โต้แย้งทอท.มาโต้ตอบ เพื่อให้สังคมได้พิจารณาอย่างครบถ้วน
ยกตัวอย่าง
3.1 ประเด็นการขยายเทอร์มินอลเดิมออกไปทั้งสองฝั่ง
ข้อความที่มีผู้มาลงคำชี้แจง ปรากฏบน เพจ AOT OFFICAL อ้างว่า ระหว่างการก่อสร้างจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานอาคารเดิม ทั้งผลกระทบด้านเสียง การขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างในพื้นที่จำกัด และจากการที่มีผู้โดยสารใช้งานอาคารเดิมหนาแน่นเกินความจุ การปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อใช้ก่อสร้างจะยิ่งสร้างความแออัด กระทบการใช้งานสนามบิน สอดคล้องกับคำแนะนำของ ICAO
ตอบ : เป็นธรรมดางานก่อสร้างส่วนต่อเติมรายงานทุกฉบับเมื่อมีการก่อสร้างเชื่อมต่อกับอาคารเดิมก็จะมีข้อแนะว่าในระหว่างการเชื่อมต่อจะยุ่งยากแต่รายงานการศึกษาของที่ปรึกษาที่ทำแบบส่วนต่อขยายได้ให้แนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมและทำได้จริงรวมถึงมีคำชี้แจง มากมายว่าการต่ออาคารเป็นเรื่องปกติที่ผู้รับเหมาทั่วไปทำได้หากอ่านรายงาน ICAO ทั้งฉบับในเรื่องที่จะสร้างอาคาร CONCOUSE A ANNEXบนพื้นที่ที่ ทอท. จะนำมาสร้างอาคารนี้จะทราบว่าจะมีเรื่องที่ต้องปรับส่วน CONCOUSEA,B เป็น INNERNATIONAL ที่ยุ่งยากกว่ามากเมื่อเทียบกับการขยายอาคารตามแผนเดิม อีกทั้งเมื่อพิจารณาแผน ทอท. ที่จะต้องสร้างทั้งถนนลอยฟ้า APM ทั้งใต้ดินบนดิน การต่อเชื่อมอาคารเดิมและการก่อสร้างทั้งหมดยุ่งยากกว่ามาก
ส่วนที่อ้างว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันของสนามบินสุวรรณภูมิได้ เพราะยังต้องอิงการออกแบบเดิม เช่น จุดรับกระเป๋าสำหรับรถที่ขนกระเป๋าจากเครื่องบินเข้ามายังอาคารเพื่อส่งเข้าสายพานรับกระเป๋า ยังมีจุดรับกระเป๋าเพียงสองจุด ทำให้เกิดปัญหาผู้โดยสารต้องรอกระเป๋านาน และปัญหาความแออัดของการใช้ถนนในพื้นที่ airside เพราะยังมีการใช้ bus gate จำนวนมากนั้น
ขณะนี้ 12 องค์กรวิชาชีพมีคำถามมากว่า การขนกระเป๋าของเทอร์มินอลตัดแปะ จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะตอนประกวดออกแบบที่ล้มไปนั้น ผู้ออกแบบที่ประกวดแบบอย่างน้อย 1 ราย บอกคิดยังไม่ออกแต่มองไว้ว่าจะวางแผนจะวิ่งตามCONCOURSE และอาคารผู้โดยสาร เมื่อถามว่าแล้วการก่อสร้างสายพานจะไม่กระทบการใช้งานหรือ คำตอบคือ ต้องปิดบริการเป็นส่วนๆ อีกทั้งตอนนี้12 องค์กรวิชาชีพรอให้ ทอท. ชี้แจงเรื่องนี้ยังไม่เคยได้คำตอบ
3.2 ประเด็นการสร้างเทอร์มินอล 2 ดีกว่าทางเลือกอื่นอย่างไร?
ข้อความที่มีผู้มาลงคำชี้แจงที่เพจ AOT OFFICAL อ้างว่า อยู่ในพื้นที่ฝั่งเหนือ สะดวกต่อการเดินทางสำหรับผู้โดยสารที่มาจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ตอบ : ไม่จริง เพราะถ้าสร้างตามแผนเดิม ผู้โดยสารที่มาโดยแอร์พอร์ตลิ้งค์ สามารถนั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์ทะลุไปจนถึงอาคารผู้โดยสารใต้ได้เลยตามที่กล่าวไว้แล้ว หรือจะลงที่ terminal 1 แล้วต่อ APM สายเดียว ไม่เหมือนเทอร์มินอลตัดแปะที่ต้องใช้ APM ถึง 3 สาย (ผู้โดยสารจะยอมรับการเปลี่ยน APM ถึง 3 สายที่มีทั้งลอยฟ้าและใต้ดินได้หรือ)
ส่วนที่ในเพจ AOT OFFICAL อ้างว่า ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการสร้างเทอร์มินอลฝั่งใต้
คำตอบ คือ แผนเดิม Terminal ฝั่งใต้ออกแบบรับไว้รับผู้โดยสารจำนวนมากกว่า และมี Contact gate มากกว่า เทอร์มินอลตัดแปะมาก และทอท.ยังไม่เคยแสดงตัวเลขคำนวณยืนยันความสามารถการรองรับผู้โดยสารจริงของ เทอร์มินอลตัดแปะ มีการสันนิษฐานกันว่าถ้าคิดตาม CONTACT GATE 14 gates คงได้เพียง 7 ล้านคนเท่านั้น
...หาก ทอท. แน่ใจเช่นนั้น ขอแนะนำให้ทำตามที่ 12 องค์กรวิชาชีพเสนอไว้ว่า
1. ทอท. ควรรับคำเชิญในการเสวนาทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริงกับ 12 องค์กรวิชาชีพ ไม่ควรใช้วิธีซื้อเวลาแล้วออกข่าวว่าจะเอาเรื่องเข้าบอร์ดพิจารณาทั้งที่ยังไม่มีคำตอบให้สังคมและเปลี่ยนคำชี้แจงรายวันแบบนี้ วสทพร้อมที่จะเปิดเวทีสาธารณะในทางวิชาการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ ทอท. และประเทศชาติ อีกทั้งเป็นกลางในการดำเนินการพร้อมไม่ให้ใครพาดพิง ทอท. ในเรื่องที่ยังไม่เกี่ยวข้องกับผลดีผลเสียในตำแหน่งการก่อสร้างอาคารเทอร์มินอล ตัดแปะเหมือนในงานเสวนาที่ผ่านมาโดย ทอท. อาจจะหารือถึงรูปแบบที่จะเสวนา คำถามล่วงหน้า เสวนาแบบปิดเพียงขอให้มีการถ่ายทอดออกสื่อในวงกว้างเท่านั้น
2. ทอท. ควรให้ ICAO ทำการศึกษาโดยละเอียดเพราะจะเป็นลงทุนมหาศาล รวมถึงผู้คัดค้านได้แสดงเหตุผลที่ ทอท. ไม่สามารถหักล้างทางวิชาการได้เพียงชี้แจงรายวัน ดังนั้นเพื่อประโยชน์ประเทศชาติอย่างที่แท้จริงอีกทั้งเชื่อว่าทอท. รู้ครบทุกประเด็น ศึกษามาทุกประเด็นแบบ professional แล้วว่าการก่อสร้างที่ ทอท. ว่านั้นดีที่สุดในทางเลือกปัจจุบัน รวมถึงไม่เกิดความเสียหายใดๆกับการใช้สนามบินที่จะมีผลกระทบรายได้จากการท่องเที่ยวในระยะยาว รวมถึงจะทำให้ไทยเป็นฮับทางการบินของโลกได้แน่นอน...”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี