หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ สส. คือ การนำสมองเข้าร่วมในการเข้าประชุมสภา เพื่อให้กระบวนการบัญญัติกฎหมายของไทยมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ทว่าเป็นเรื่องน่าสังเวชมากเสียจนเกินจะบรรยาย เมื่อสาธารณชนได้เห็นพฤติกรรมสามานย์ของ สส.ไทยจำนวนไม่น้อย เพราะ สส.หลายคนนั้นดูเสมือนว่าไม่มีมันสมองเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในยามที่ สส.เข้าร่วมการประชุมสภา ซึ่งสาธารณชนได้พบได้เห็นเป็นประจำว่า สส.จำนวนไม่น้อยปราศจากความรับผิดชอบต่อภารกิจแต่เท่าที่เห็นก็คือจะมี สส.อยู่จำพวกหนึ่งที่ชอบแสดงพฤติกรรมละเลงขนมเบื้องด้วยปากตลอดเวลา แล้วทุกครั้งที่ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐสภาไทยเสื่อมทรามลงเป็นลำดับ จนแทบจะไม่เหลือความน่าศรัทธาอีกต่อไป
แน่นอนว่าการทำงานในรัฐสภา โดย สส. ของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ก็คือการขบเหลี่ยมขบมุมกันระหว่างคู่แข่งทางการเมือง แต่ สส. ทั้งสองฝ่ายก็จะต้องสำเหนียกอยู่ตลอดเวลาว่า แม้แต่ละฝ่ายจะต้องแข่งขันกันมากมายสักเพียงใดก็ตามก็ต้องไม่หลงลืมหน้าที่สำคัญของการเป็น สส. นั่นคือการพัฒนาการเมือง และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อๆ ไป
แต่สำหรับพฤติกรรมของ สส. ไทยจำนวนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา คือมีความเก่งฉกาจในการเล่นบทล้างผลาญ และทำลายล้างความเจริญของประเทศมากกว่าส่งเสริมให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง พฤติกรรมเช่นนี้เป็นจริงหรือไม่คนไทยและ สส. ไทยสามารถตอบได้ดี
พูดถึงประเด็น สส. รัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้านในญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคำสั่งของหัวหน้า คสช. คือมาตรา 44 ซึ่งเรื่องนี้ทำให้การประชุมรัฐสภาต้องล่มลงอีกคราหนึ่ง แล้วทำให้มีเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากสาธารณชนว่า เหตุใด สส. ฝ่ายรัฐบาลจึงไม่เข้าร่วมประชุม ทั้งๆ ที่ทราบดีอยู่แล้วว่านี่คือภารกิจสำคัญของตนเอง
การที่เกิดปัญหาการประชุมสภาล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่ารัฐบาลมีปัญหาเสถียรภาพ และยังสะท้อนให้เห็นชัดด้วยว่าเสียงสนับสนุนของรัฐบาลในสภามีปัญหาอย่างมาก
มีคำถามว่า ทำไม สส. ซีกรัฐบาลจึงไม่เข้าประชุมสภา คำตอบในเรื่องนี้มีหลายประการ อาทิ สส. ซีกรัฐบาลจำนวนไม่น้อยสวมหมวกสองใบ คือเป็นทั้ง สส. แล้วก็ยังรับตำแหน่งรัฐมนตรีอีกด้วย ดังนั้น สส. ที่เป็นรัฐมนตรีก็มักจะขาดประชุมสภาเป็นประจำ โดยอ้างว่ามีภารกิจในฝ่ายบริหาร แต่ไม่ว่าจะอ้างอย่างไรก็ตาม ก็หมายถึงเสียง สส. ซีกรัฐบาลต้องขาดหายไปเมื่อไม่ได้เข้าร่วมประชุมสภา
ยังมีเรื่องที่น่าสมเพชอีกประการหนึ่งในรัฐสภาไทยในยุคนี้คือ เรื่องการขอนับคะแนนใหม่ ขอย้ำว่าการเรียกร้องให้นับคะแนนใหม่ คือการประจานความเน่าเฟะและไร้ประสิทธิภาพของรัฐสภา และของตัว สส. ที่เข้าร่วมประชุม การพูดเช่นนี้มิได้หมายความว่านับคะแนนใหม่ไม่ได้แต่ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ขอนับคะแนนใหม่ ยิ่งมีการขอนับคะแนนใหม่บ่อยๆ หรือเป็นประจำก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าไม่มีบรรทัดฐานสำหรับการทำงานของรัฐสภาไทย
เมื่อรัฐสภาไทยไม่มีบรรทัดฐานเสียแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าประชาชนจะศรัทธา เชื่อมั่น เชื่อถือรัฐสภา แต่สิ่งที่จะตามมาคือประชาชนจะมองว่ารัฐสภาไทยไม่มีประสิทธิภาพ และไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป
แน่นอนว่าเรื่องของรัฐสภากับเรื่องของรัฐบาลเป็นคนละประเด็นกัน แต่สำหรับการเมืองแบบไทยนั้น เราไม่สามารถแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เพราะรัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากหรือน้อยก็ย่อมขึ้นอยู่กับจำนวน สส. ของรัฐบาลที่นั่งอยู่ในรัฐสภา เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดปัญหาสภาล่มบ่อยครั้ง ก็ย่อมหมายถึงเงาหัวของรัฐบาลหายไปด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี