การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธาน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2562 ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44
โดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายปิดญัตติว่า คำสั่งของคสช. มีหลายเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์ ดังนั้นฉบับใดที่ดีควรใช้ต่อ แต่ต้องศึกษาว่าจะเปลี่ยนเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต้องดำเนินการอย่างไร ส่วนฉบับใดที่ขัดต่อความยุติธรรม หากไม่ยกเลิก ขอให้ทำความเห็นเพื่อให้ยกเลิก และเมื่อยกเลิกแล้วมีบุคคลได้รับผลกระทบควรให้สิทธิเยียวยา ทั้งนี้เท่าที่ดูการยกเลิกโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มีทั้งสิ้น61 ฉบับ ส่วนอีก 16 ฉบับเป็นคำสั่งที่ยกเลิกแต่มีเงื่อนไข
“ขอให้ใช้โอกาสพิจารณาเพราะไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นการทำหน้าที่ของตัวแทนราษฎร” นายปิยบุตรกล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การลงมติญัตติตั้งกมธ. ผลการลงมติปรากฏว่า เสียงจากฝ่ายค้านชนะโหวตไปด้วยคะแนน 234 เสียง ต่อ 230 เสียง งดออกเสียง 2 และไม่ลงคะแนน 1 คน จากผู้เข้าร่วมประชุม 267 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 234 เสียงที่ลงมติสนับสนุนให้มีการตั้งกมธ.เพื่อศึกษาในเรื่องดังกล่าว นอกจากจะเป็นเสียงจากสส.ฝ่ายค้านแล้ว ยังมีสส.ของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ด้วย ซึ่งมี สส. 6 คน คือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง, นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี, นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช, นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ สส.ตาก, นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สส.พังงา ที่ลงมติสนับสนุนเนื่องจากได้แจ้งเหตุผลกับทางประธานวิปรัฐบาลไปแล้ว
ขณะที่เสียงรัฐบาลอีกส่วนที่หายไปนั้นเป็นในส่วนของ สส.พรรคภูมิใจไทย ที่เข้ามาภายในห้องประชุมเพื่อลงคะแนนไม่ทัน โดยที่อีก 2 เสียงที่งดออกเสียง คือ นายชวน และนายศุภชัย โพธิ์สุรองประธานสภาฯ คนที่สอง
จากนั้นบรรยากาศในห้องประชุมได้มีการสลับกันประท้วงกันไปมา เมื่อ นายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้เสนอให้ที่ประชุมนับคะแนนใหม่ เนื่องจากสับสนและแพ้กันอย่างเฉียดฉิว ทำให้สส.พรรคฝ่ายค้านไม่พอใจและลุกขึ้นทักท้วงว่า ไม่สามารถขอนับใหม่ได้ และขอให้ยอมรับในผลความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น
แต่นายชวน ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานได้กล่าวกับที่ประชุมว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 85 กรณีที่สส.ขอให้นับคะแนนใหม่ และมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน ให้นับคะแนนเสียงใหม่ และใช้การลงคะแนนด้วยการขานชื่อ
ทำให้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ทักท้วงว่าการนับคะแนนใหม่ คือ การนำการลงคะแนนครั้งที่ผ่านมานับทวนคะแนนอีกครั้ง ไม่ใช่การออกเสียงลงคะแนนใหม่ ท่ามกลางการถกเถียงกันวุ่นวายนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เสนอให้พักการประชุม นายชวนจึงอนุญาตให้พักการประชุม 15 นาที
หลังพักการประชุมไปกว่า 1 ชั่วโมง นายชวนยังยืนยันว่า จำเป็นต้องทำตามระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาฯคือให้นับคะแนนใหม่ จนทำให้สมาชิกหลายคนไม่พอใจ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า การลงมติดังกล่าว ล้วนเป็นประโยชน์กับรัฐบาล แต่หลังจากสภามีคะแนนห่างกัน 4 คะแนน ก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า การนับคะแนนใหม่นั้น จำเป็นหรือไม่จึงขอความกรุณาเคารพมติของสส.ฝั่งเสียงข้างมาก ไม่เช่นนั้นจะขอไม่อยู่ร่วมองค์ประชุมด้วย เพราะเท่ากับเสียงของตนเองไม่มีค่า
ด้านนายวิรัช กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ต้องการใช้ระเบียบข้อบังคับข้อ 85 ในการขอนับคะแนนใหม่ ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการชนะคะคาน แต่หากการทำงานเป็นมติวิปรัฐบาล ก็จะดำเนินตามมติวิปรัฐบาล และมีความจำเป็นที่จะเสนอนับคะแนนใหม่ และยืนยันว่าจะเสนอขอนับคะแนนใหม่
นายชวน วินิจฉัยให้ที่ประชุมมีการนับคะแนนใหม่ ทำให้สส.ฝ่ายค้านทยอยเดินออกจากห้องประชุมสภาฯ ก่อนที่นายพิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ยกมือขอให้ประธานสภาฯ สั่งนับองค์ประชุม ปรากฏว่า มีองค์ประชุมเพียง 92 คน ถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ องค์ประชุมคือ 250 คนจากสมาชิก499 คน ประธานสภาฯจึงสั่งปิดการประชุมแล้วนัดประชุมสภาฯในวันรุ่งขึ้น (28 พ.ย.) ช่วงเช้า
ต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โพสต์เฟซบุ๊คหัวข้อ “สภาล่ม กับ กรรมาธิการ ม.44” ความว่า...
ข่าวสภาวันนี้ เดือดจัด!! ข่าวลงว่า ฝ่ายค้านโหวตชนะ มี สส. ปชป. โหวตเห็นด้วย 6 คน...
ผิดครับ!!!!!!!!!
วันนี้ สภาพิจารณาญัตติ ให้ตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษา ผลกระทบ จาก ม. 44 แต่ในหลายมุม ทั้งของอนาคตใหม่ ประชาชาติ พลังประชารัฐ บางญัตติเน้น ของ คสช. บางอันเน้น ม. 44 กับท้องถิ่น บางอันเน้นเรื่อง 3 จังหวัด
แต่ญัตติของผม ในนามประชาธิปัตย์ กว้างๆ คือ เสนอให้เอา “คำสั่งคณะปฏิวัติ” ที่ยังบังคับใช้ทุกคณะ ประกาศ คำสั่ง คสช. และกฎหมายที่ออกโดย คสช. มาพิจารณา ศึกษา ดูผลกระทบ และที่เป็นกฎหมายมาดูว่า จะยังคงไว้ หรือจะเสนอให้แก้ไข เพราะสถานการณ์ ยุค คสช. 5 ปี จบไปแล้ว สมควรพิจารณาทบทวนใหม่
เช่น ประกาศ คสช. ที่แก้ กฎหมาย สปก. ที่เดิมเพื่อ“เกษตรกรรม” มาเป็น “ให้ทำเหมืองแร่ กังหันลม ปิโตรเลียม” ได้ ว่าจะเสนอให้ทบทวนหรือไม่ ถ้าจะแก้ก็ต้องทำเป็นกฎหมายต่อไป คือ แค่ตั้ง กรรมาธิการศึกษา เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เท่านั้น
ผมอภิปรายในสภา อาทิตย์ที่แล้ว ตอนเสนอญัตติว่า เราทำหน้าที่ของเรา ไม่ใช่เอาคืน คสช. หรือ ปกป้อง คสช. แต่ต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนในเรื่องกฎหมาย วันนี้ มีโหวตวิปรัฐบาลเห็นว่า ไม่ตั้งกรรมาธิการ แต่ผมในฐานะผู้เสนอญัตติ เสนอให้ตั้งกรรมาธิการ ฝ่ายค้านก็เห็นว่าตั้ง
ผมอภิปรายสรุปญัตติวันนี้ ว่า ญัตตินี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่โดยสถานการณ์ บางฝ่ายตัดสินใจด้วยเหตุผลทางการเมือง ก็เข้าใจ แม้ว่าจะไม่มีการตั้งกรรมาธิการ แต่การแก้ประกาศ คำสั่ง ยังคงต้องทำ แต่จะช้าไปกว่าที่สภาทำเอง และยากจะคาดว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร
สุดท้ายโหวตครับ!!! ผลคือ ที่ต้องการให้ตั้งกรรมาธิการชนะ (รวมผมด้วย) ไม่ใช่ฝ่ายค้านชนะ เพื่อนหลายคนเห็นด้วยกับผมแต่เกรงใจวิปครับ บางคนบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกสภา ยืนยันโหวตตามจุดยืน พอมีการขอให้นับคะแนนใหม่ คราวนี้ล่ะครับ เดือด!!!! ฝ่ายชนะไม่อยากให้นับ ฝ่ายแพ้อยากให้นับใหม่ จริงๆ ตามข้อบังคับนับใหม่ได้ครับ แต่พอป่วนเลยพักการประชุม เปิดมาฝ่ายค้านวอล์กเอาท์ ฝ่ายที่เหลือ ทำให้เหลือน้อย องค์ประชุมไม่ครบแปลว่า ไปลุ้นต่อพรุ่งนี้ ครับ.... สวัสดี
ซึ่งเมื่อถึงวันรุ่งขึ้น สภาก็ล่มอีก เพราะองค์ประชุมไม่ครบ
ข่าวนี้ เราควรจะ “จับเส้น” อย่างไรดี ให้มันถูกต้องตามหลักการและความเป็นจริง
1) การขอนับคะแนนใหม่ เป็นเรื่องที่ทำได้ “ตามระเบียบ” แต่การจะใช้สิทธิ์นี้ ในกรณีที่เสียงโหวตต่างกันไม่เกิน 25 เสียง ก็ควรที่จะมี “เหตุผลที่ดีรองรับ” ไม่ใช่หรือ ซึ่งนายวิรัชรัตนเศรษฐ ไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่หนักแน่นได้ ในเรื่องนี้ ในสายตาผม จึงเป็นเรื่อง “ใช้ ม.85 โดยไม่มีเหตุอันควร” เป็นแค่การ“แก้เกมทางการเมือง” เท่านั้น
2) เห็นด้วย และเห็นใจ ที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ จากพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า “...การใช้ข้อบังคับข้อ 85 เพื่อขอให้นับคะแนนใหม่ ทำให้ฝ่ายค้านมีความกังวล เนื่องจากมีสถานการณ์ในลักษณะนี้หลายครั้ง ที่ฝ่ายค้านมีคะแนนน้อยกว่ารัฐบาลทุกครั้ง และผลมติก็ออกมาใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยคิดจะใช้ข้อบังคับมาตรา 85
แม้แต่ครั้งเดียว เพราะทราบดีว่าการใช้ข้อบังคับดังกล่าวควรจะใช้ต่อเมื่อมีเหตุผลอันเชื่อได้ว่า กระบวนการของการนับคะแนนมีข้อบกพร่องผิดพลาดเท่านั้น แต่การลงมติเมื่อ 27 พ.ย. เป็นไปด้วยความปกติ
“...การอภิปรายในเรื่องดังกล่าวมีการเแสดงเหตุผลที่เชื่อได้ว่า สมาชิกฝ่ายรัฐบาลหลายคนเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ แต่ด้วยความปรารถนาดี ฝ่ายค้านก็ได้พูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลแล้ว เพื่อเจรจาขอให้ถอนญัตติที่เสนอให้นับคะแนนใหม่ เพราะสภาจะไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ แต่สุดท้ายฝ่ายรัฐบาลก็ยังคงยืนยันที่จะยื่นญัตติตามข้อบังคับมาตรา 85 ให้นับคะแนนใหม่ ทำให้ฝ่ายค้านไม่มีทางเลือกจึงวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุม”
สำหรับผม จึงไม่ขอตำหนิฝ่ายค้านในเรื่องนี้เลย
3) การทำหน้าที่ของประธานชวน หลีกภัย ที่หลายคนเอาท่านไปด่าอยู่นั้น หากตั้งสติกันดีๆ ดูระเบียบปฏิบัติ ประธานชวนไม่สามารถ “ขัด” ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 85 กรณีที่สส.ขอให้นับคะแนนใหม่ และมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คนให้นับคะแนนเสียงใหม่ และใช้การลงคะแนนด้วยการขานชื่อในเรื่องนี้ ประธานชวนจึงไม่มีสิทธิวินิจฉัยให้เป็นอื่นได้ ส่วนการ“นับคะแนนใหม่” เท่ากับ “การลงคะแนนใหม่” หรือไม่นั้น ก็ให้ไปเอาข้อบังคับการประชุมมาอ่านกันเถิด อธิบายไว้ชัดแล้วว่าเป็นอย่างไร ทีมงานประธานชวนควรไปดูเฟซบุ๊คของ กิตติรัตน์ณ ระนอง ที่กล่าวเสียสีเอาไว้แล้วมีลูกหาบเข้ามาด่า ชวน หลีกภัย อย่างกับหมูกับหมา และดูว่าควรดำเนินการอย่างไรหรือไม่
4) สส.ทั้ง 6 คนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็น สส.ที่น่ายกย่อง ว่ากล้าหาญที่จะ “ยืนหยัด” ในมติที่พวกตนร่วมกันลงชื่อเสนอ ไม่เปลี่ยน โหวตยืนยัน แต่ดันไปถูกตีความว่าโหวตสวนรัฐบาล เป็น “งูเห่าสีฟ้า” ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า ในยุคที่เราตีความทุกเรื่องเป็น “ขั้วข้างทางการเมือง” กันเสียหมด หลักคิดและสติปัญญาย่อมฟั่นเฟือนได้ แต่บ้านเมืองจะฟั่นเฟือนตามใจคนมิได้ หลักการต้องเป็นหลักการ ประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต้องมาก่อน
ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนเข้าไปฟังการอภิปรายของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ซึ่งโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ยูทูป ชื่อ “สาทิตย์”เสนอตั้ง กมธ.วิสามัญทบทวนผลกระทบประกาศ คำสั่ง คณะปฏิวัติทุกชุด กม.ที่ออกโดย สนช. โพสต์ไว้โดย “พรรคประชาธิปัตย์” เอง นายสาทิตย์อธิบายถึงหลักการ เหตุผล จุดยืนของฝ่ายนิติบัญญัติที่สมควรต้องทำสิ่งนี้ พร้อมๆ กับยกตัวอย่างกรณีที่ประกาศหรือคำสั่ง คสช. มีผลกระทบต่อประโยชน์ของประชาชน และกฎหมายเดิมของประเทศชาติเอาไว้ เป็นอย่างดี (หวังว่าจะไม่ไปลบทิ้งกันเสียก่อน)
5) สส.ทั้ง 6 คน เป็นตัวอย่างของ สส. ที่เอาชาติบ้านเมืองมาก่อน “มารยาท” ของการร่วมรัฐบาล แล้วถามว่าพวกเขาเสียมารยาทไหม ไม่ครับ เขาได้แจ้งกับวิปรัฐบาลไปแล้ว ก็ถ้าคน 6 คนที่ลงชื่อเสนอญัตตินี้ ไม่โหวตสนับสนุนญัตติที่พวกตัวเองเป็นคนเสนอ คุณว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ “ใช้ได้” หรือเปล่าล่ะ จึงไม่มีเหตุอันใดที่ต้องไปก่นด่าพวกเขาเลย โดยที่ญัตตินี้ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรต่อรัฐบาลเลย เป็นแค่การเสนอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา “ศึกษา” เท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่า ประธานวิปรัฐบาลใช้เหตุผลใดในการที่โหวตแพ้ แล้วขอ “นับคะแนนใหม่” ซึ่งในกระบวนการ มันคือการ “ลงมติใหม่” กลายๆ นั่นเอง
หยุดเถอะครับ หยุดใช้เล่ห์กลทางการเมือง เพื่อเอาชนะคะคานขั้วตรงข้าม แบบไม่มีคำอธิบายต่อประชาชนกันเสียที บ้านเมืองขัดแย้งกันมากแล้ว อย่าทำเรื่องนี้ให้คนมาด่าทอกันโดยปราศจากหลักคิดที่ไร้อคติแต่มีสติกันเลยครับ เห็นสื่อจำนวนหนึ่งเมามันกับการด่า สส.ประชาธิปัตย์ 6 คนนี้มากบ้างก็ด่าฝ่ายค้านกันระงม
คนที่ควรด่าคือ วิรัช รัตนเศรษฐ ครับ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องทุจริตสนามฟุตซอลพร้อมเมียและเครือญาติแล้ว ก็ยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สมัยเป็นหัวหน้า คสช. ด่านักการเมืองนักหนา เรียกร้องความมีธรรมาภิบาลนักหนา บัดนี้ก็เงียบเหมือนคนใบ้ ไอ้ที่เคยเอานักการเมืองท้องถิ่นมาขึ้นบัญชีดำ เอาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ก่อนเลย แล้วให้ไปพิสูจน์ข้อกล่าวหาให้เสร็จก่อน กลับไม่ทำแบบเดียวกันนี้กับวิรัช แปลกดี นี่หรือคือวิธีและวิถีที่ “คนดีๆ” เขาทำกัน
นี่ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมรัฐบาล คงเล่นเรื่องนี้เละเทะไปแล้ว ยังไม่รวมเรื่องการต่อสู้ให้มีกรรมมาธิการชุดนี้ โดยที่ไม่ปล่อยให้ 6 สส.นั้นยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยวอย่างที่เป็นนี้หรอก
เพราะพูดกันให้จริงที่สุด การมีกรรมธิการขึ้นศึกษาเรื่องนี้ ไม่มีผลโค่นล้มรัฐบาลได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติจะได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนได้อีกต่างหาก
แต่มันกลายเป็นเรื่อง “แพ้ไม่ได้” และต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมาอย่างน่าเศร้าใจ ประชาชนซึ่งไม่ศึกษาอะไรก็กระโดดเข้าถือหางทั้งสองฝ่าย แล้วด่าทอกันอุตลุด เฮ้อ!!!! ประเทศชาติจงเจริญ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี