พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
ได้ดูแลกระทรวงสำคัญที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจชาวบ้าน คือ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ
รัฐมนตรีว่าการ ก็คือหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ตามลำดับ)
นโยบายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ จึงถูกนำมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ นโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน
มันสำปะหลัง และข้าวโพด
ล่าสุด ตัวสุดท้าย คือ ข้าวโพด ได้รับการผลักดันเรียบร้อยแล้วก่อนสิ้นปี
1. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.)
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ความเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด โดยประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท (ที่ความชื้นไม่เกิน 14.5%) ครอบครัวละไม่เกิน 30 ไร่ ปลูกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริม 7 ข้อ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประกอบด้วย
(1) มาตรการกำหนดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพด หากจำเป็นต้องนำเข้าตามเงื่อนไขข้อตกลงของอาเซียน ให้กำหนดอยู่ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงสิงหาคม เท่านั้น
(2) หากจะมีเคลื่อนย้ายผลผลิตข้าวโพดใน 7 จังหวัด คือ จันทบุรี อุบลราชธานี เชียงราย น่าน เลย ตาก และสระแก้ว จะต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายต่อกรมการค้าภายใน หรือพาณิชย์จังหวัดในแต่ละจังหวัด
(3) การนำเข้าข้าวสาลี ให้กำหนดเงื่อนไขนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน จะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทย 3 ส่วน
(4) สำหรับการรับซื้อข้าวโพดในแต่ละพื้นที่ จะต้องใช้เครื่องชั่งและเครื่องวัด
ความชื้นที่มีความเที่ยงตรงได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมการค้าภายใน
(5) ในการเก็บสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผู้ครอบครองจะต้องแจ้งปริมาณการครอบครองต่อกรมการค้าภายในตามที่กำหนด
(6) กำหนดมาตรการช่วยเหลือเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 แก่สถาบันเกษตรกร หรือ ผู้ประกอบการที่มีการเก็บรวบรวมข้าวโพดไว้ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน เพื่อช่วยพยุงราคาข้าวโพดไม่ให้ตกต่ำในช่วงผลผลิตออกมาก โดยในส่วนนี้จะได้เตรียมวงเงินไว้เพื่อให้การช่วยเหลืออีกจำนวนกว่า 1,500 ล้านบาท
(7) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ในการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าข้าวโพดอย่างผิดกฎหมาย และให้รายงานผลปฏิบัติต่อ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ทราบทุกครั้งที่มีการประชุม
2. ก่อนหน้านี้ ได้มีการผลักดันโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ผ่าน ครม.เรียบร้อยแล้ว เริ่มจ่ายเงิน
ไปแล้วบางส่วน
ปาล์มน้ำมัน โอนเงินให้กับชาวสวนแล้ว 295,880 ราย คิดเป็นเงิน 3,360 ล้านบาท
ข้าว โอนแล้ว 440,000 ราย คิดเป็นเงิน 11,400 ล้านบาท
มันสำปะหลัง เริ่มโอนเงินให้เกษตรกรงวดแรกแล้ว ประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 โดยจ่ายงวดแรกวันที่ 1 ธ.ค. 2562 จากนั้นจะจ่ายทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 12 เดือน
ยางพารา ได้มีการโอนไปแล้ว 503,800 ราย คิดเป็นเงิน 2,868 ล้าน (งวดแรกล่าช้าไปบ้าง) โดยจะโอนทุก 2 เดือน 3 งวดต่อปี งวดต่อไป 1 ม.ค. 2563 และงวดต่อไป 1 มี.ค. 2563
3. แน่นอนว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล ชาวบ้านก็คงจะไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประกันรายได้เหล่านี้ ประเทศชาติก็ปลอดภัยจากการโกงผ่านนโยบายแบบอื่น
แม้โครงการแบบนี้ จะเป็นเพียงการให้หลักประกันความมั่นคงรายได้ขั้นต้นไม่ฟู่ฟ่าหวือหวาเหมือนนโยบายแบบที่เอาเงินหลวงไปตั้งโต๊ะรับซื้อในราคาสูงกว่าท้องตลาด แล้วเก็บพืชผลเข้าโกดังหลวง ไปขายโกงกินกันเหมือนในบางยุครัฐบาลแต่นโยบายนี้ก็มีความมั่นคง ยั่งยืนกว่า มีช่องทางรั่วไหลน้อยกว่า
หากราคาพืชผลต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้ไว้ เกษตรกรก็จะได้รับเงินส่วนต่างเข้าบัญชีโดยตรง ส่วนพืชผลของตนเองก็สามารถนำไปขาย แปรรูป หรือดำเนินการใดๆ ตามแต่กำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดรายได้เข้ากระเป๋าของตนเองอีกทางหนึ่ง
ที่สำคัญ ในพืชผลแต่ละชนิด ก็จะมีมาตรการเสริมอีกหลายอย่าง เช่น ช่วยเหลือต้นทุนการผลิต สนับสนุนการแปรรูป สินเชื่อต่างๆ นานา ฯลฯ
4. นโยบายแบบประกันรายได้เหล่านี้ ไม่สามารถจะพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ตลอดประสิทธิภาพการผลิตได้โดยตรง แต่จะต้องมีการพัฒนาไปที่ภาคการผลิตจริง เพื่อลดต้นทุน เพื่อคุณภาพ
ล่าสุด กรณียางพารา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า(3 ธ.ค. 2562) มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ เพื่อเป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาและแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ เพื่อชาวสวนยางมีรายได้ที่มั่นคง ส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพารา พัฒนาระบบตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายยางพาราทั้งในและต่างประเทศ
แผนยุทธศาสตร์ฯ มีวิสัยทัศน์ “ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง”
กำหนดเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2579 คือ
ประเด็นยุทธศาสตร์ (Strategy) ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
(1) การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เช่น ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางทำสวนยางผสมผสานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศึกษา ออกแบบ และพัฒนา “กองทุนรักษาเสถียรภาพรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง” ขึ้นในประเทศไทย ส่งเสริมและจูงใจให้เกษตรกรชาวสวนยางรวมกลุ่มกันบริหารจัดการในรูปแบบแปลงใหญ่
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพและการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน เช่น บังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสวนยางที่บุกรุกพื้นที่ป่า กำหนดเขตพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเพาะปลูกยาง สนับสนุนและจูงใจให้เกษตรกรชาวสวนยางปลูกยางพันธุ์ดี ที่ให้ผลผลิตสูงและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ รวมทั้งให้ปรับปรุง/พัฒนาคุณภาพยางแปรรูปให้ได้มาตรฐาน GMP
(3) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น วิจัยและพัฒนาพันธุ์ยางที่เติบโตเร็วให้ผลผลิตสูง วิจัยและพัฒนารูปแบบการปลูกและระบบการกรีดยางเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด สนับสนุนให้มีการกำหนดโจทย์วิจัยจากปัญหา/ความต้องการของภาคธุรกิจเอกชน และผลักดันและสร้างสิ่งจูงใจให้มีการนำเอาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์และต่อยอดในเชิงพาณิชย์
(4) การพัฒนาตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น เชื่อมโยงธุรกรรมการซื้อขายยางในตลาดกลางยางพาราแต่ละแห่งเข้ากับตลาดยางท้องถิ่น เพื่อให้ทั่วโลกนำไปใช้ในการอ้างอิง ออกมาตรการด้านการเงินและการคลังเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อทดแทนการนำเข้า และสนับสนุนให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราได้มีโอกาสนำสินค้าไปเปิดตลาดในต่างประเทศ
(5) การพัฒนาปัจจัยสนับสนุน เช่น เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยางพาราโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพารา ปรับปรุงและแก้ไขมาตรการส่งเสริมการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมยางพารา เร่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมยางพารา และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พร้อมรองรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ศึกษาวิเคราะห์ และจัดทำแผนความต้องการและแผนพัฒนากำลังคนด้านยางพาราของประเทศไทยและจัดกิจกรรม Road Show ในประเทศที่เป็นตลาดเป้าหมายเพื่อจูงใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ
ลองคิดว่า ถ้ามีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จริงจัง (กรณีพืชผลอื่นๆ ก็จะมีแผนยุทธศาสตร์ของตนเองเช่นกัน) ประเทศชาติและเกษตรกรไทยจะมีชีวิตที่มั่นคงกว่าเดิม ดีกว่าเดิม ไม่วนเวียนกลับไปสู่วงจรที่นักการเมืองเข้ามาผลาญเงินภาษีไปรับซื้อแบบเดิมๆ อย่างไรบ้าง
ทั้งหมดนี้ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นด้วยการตีฝีปาก เล่นวาทะการเมือง เสียดสีกันไปมา แต่จะต้องทำงานอย่างหนัก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี