การที่องค์กรใดจะดำเนินธุรกิจได้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว มีปัจจัยสำคัญอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือตัวของผู้บริหาร
ถ้าองค์กรมีผู้บริหารที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ทำงานด้วยประสิทธิภาพสูง และขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่มีความละอายต่อการกระทำความผิดทุกชนิด ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กน้อย และในขณะเดียวกัน ผู้บริหารองค์กรเป็นผู้มีจริยธรรมในการทำหน้าที่อย่างสูงส่ง องค์กรนั้นก็จะประสบความสำเร็จและสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง
แต่สำหรับองค์กรระดับประเทศและระดับนานาชาติที่ชื่อว่าการบินไทย เป็นองค์กรที่สาธารณชนตั้งคำถามว่า ผู้บริหารทุกระดับขององค์กรเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง และเป็นผู้ที่มีจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
เป็นความจริงที่ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอีกต่อไปว่า การบินไทยเป็นองค์กรที่ถูกนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย ในระยะเวลาประมาณ 20 กว่าปีมานี้ ส่งคนของตัวเองเข้าไปมีอำนาจเหนือการบินไทยมาโดยตลอด แต่ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า คนที่นักการเมืองส่งเข้าไปมีอำนาจเหนือการบินไทยนั้น ไร้ประสิทธิภาพ และไร้จริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ
เพราะฉะนั้น การบริหารงานในการบินไทยจึงเละเทะ ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ เพราะว่าผู้บริหารเกือบทุกระดับของการบินไทย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับ ประธานบอร์ด บอร์ด ตลอดจนถึงผู้บริหารภายในองค์กรล้วนเป็นบุคคลที่สาธารณชนตั้งคำถามว่า มีความสามารถในการปฏิบัติงานโดยแท้จริงหรือ
เรื่องราวอันเละเทะในการบินไทย เป็นเรื่องที่คนในสังคมไทยที่สนใจความเป็นมาและเป็นไปของสายการบินแห่งชาติของไทยเฝ้าติดตามมาโดยตลอด แล้วก็ได้เห็นว่ามีความทุจริตหลายซับหลายซ้อน และหลายระดับในการบินไทย อาจจะพูดเป็นภาษาง่ายๆ แต่เป็นความจริงก็คือ มีการทุจริตโกงกินกันเกือบทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนโยบายไล่ลงไปจนถึงระดับปฏิบัติการ
เมื่อการบินไทยมีคนซึ่งถูกสังคมระบุว่ามีพฤติกรรมโกงกินรวมตัวอยู่ภายในองค์กรเป็นจำนวนมาก จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การบินไทยต้องประสบปัญหาการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพ แล้วนำมาซึ่งผลการดำเนินงานที่ขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยมา
หากจะถามตรงๆ ว่าผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยทราบหรือไม่ว่าเกิดการทุจริตภายในการบินไทย คำตอบก็ควรจะออกมาในรูปที่ว่า ผู้บริหารย่อมทราบดี แต่เมื่อรับทราบแล้วจะตั้งใจแก้ปัญหาหรือไม่ นี่คือประเด็นสำคัญ แต่ที่น่าวิตกมากไปยิ่งกว่านั้นก็คือ แล้วผู้บริหารทุกระดับของการบินไทยมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการทุจริตด้วยหรือไม่
ล่าสุดในการบินไทยได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการออกประกาศเหนือระเบียบบริหารงานบุคคลตอนที่ 17 เรื่องการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยระบุว่า DB มีอำนาจสั่งงด และลดเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้เหลือร้อยละ 50 ได้หรือไม่ และมีการตั้งคำถามด้วยว่า DB มีอำนาจสามารถออกประกาศใดๆ ก็ได้ เหนือระเบียบของบริษัทหรือ (เรื่องนี้อ้างอิงตามประกาศสายทรัพยากรบุคคลที่ 027 / 2562 เรื่อง มาตรการลดรายจ่ายในการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่ (Service Journey) ที่ลงคำสั่งประกาศโดย นางสุวิมล บัวเลิศ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562
เรื่องลึกๆ เช่นนี้ เป็นสิ่งที่บุคคลซึ่งอยู่ภายนอกองค์กรการบินไทยอาจจะไม่เคยรับทราบมาก่อน แต่สำหรับคนในประชาคมการบินไทยกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนัก พร้อมกับตั้งคำถามว่า DB มีอำนาจมากถึงเพียงนี้หรือ แล้วถ้าหาก DB ความตั้งใจจริงที่จะลดค่าใช้จ่ายของบริษัท ก็ควรจะต้องลดผลประโยชน์ของตนเองที่
ได้รับจากบริษัทด้วย อย่างเช่นมีผู้เสนอว่าควรจะลดค่าน้ำมันรถยนต์ของตัวเองที่ได้รับเดือนละ 75,000 บาท ลงไปด้วย
ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในองค์กรว่าการปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของบริษัท ถือเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานที่พนักงานทุกระดับจำเป็นต้องมี แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้ที่เป็นผู้บริหารขององค์กรจำเป็นต้องเคร่งครัดในกฎระเบียบของบริษัทอย่างเคร่งครัดด้วย มิใช่ออกคำสั่งให้ผู้อื่นปฏิบัติ แต่ตนเองกลับไม่ปฏิบัติ
หากผู้บริหารของการบินไทยจะกลับไปพิจารณาเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ก็จะได้ยินคำพูดจากคนในประชาคมการบินไทยว่า ตามระเบียบกำหนดให้ DB รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า DB ได้ใช้อำนาจของตนเองออกประกาศเหนือระเบียบของบริษัท การกระทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ขณะเดียวกันก็มีผู้ตั้งคำถามว่า หากผู้บริหารของการบินไทยรายที่ว่านี้เกิดความสงสัยในเรื่องการใช้อำนาจตามหน้าที่ของตัวเอง แล้วถ้าหากยึดถือตามหลักการการกำกับและดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสากล ก็สมควรที่จะต้องให้ผู้บริหารท่านนั้น หรือรายนั้นต้องยุติการปฏิิบัติหน้าที่ หรือยุติการกระทำดังกล่าวโดยทันที
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการบินไทย คือเรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการฝ่ายบริหารงานนโยบายครั้งที่ 37/ 2562 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 โดยนางสาวดาราเพ็ญ ตฤษณานนท์ตำแหน่ง WF-G ปฏิบัติหน้าที่แทน WF โดยมีเนื้อหาดังนี้ คณะกรรมการฝ่ายบริหารงานนโยบาย ในการประชุมครั้งที่ 37/ 2562 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ 1.2 การว่าจ้างพนักงานเกษียณอายุกลับมาปฏิบัติงาน ที่ประชุมฯ รับทราบ และมอบหมายให้สายทรัพยากรบุคคล (DB) รับไปดำเนินการวางหลักเกณฑ์ การว่าจ้างพนักงานเกษียณอายุกลับมาปฏิบัติงานให้บริษัท ทั้งนี้ การว่าจ้างดังกล่าวจะเป็นการว่าจ้างเป็นแรงงานภายนอก หรือพิจารณาว่าจ้างแบบ Part Time โดยอัตราค่าจ้างจะไม่เท่ากับอัตราค่าจ้างที่ได้รับก่อนเกษียณอายุ เพื่อเป็นการชะลอในเรื่องของการรับพนักงาน เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัท ไม่เอื้ออำนวย โดยคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทฯ เป็นสำคัญ และพนักงานเกษียณที่ได้รับการว่าจ้างจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ รวมถึงหน่วยงานมีความจำเป็นต้องว่าจ้าง เนื่องจากขาดแคลนอัตรากำลังในการปฏิบัติงาน จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และกรุณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำเนาเรียน ID DI IZ
ประเด็นการว่าจ้างดังกล่าวนี้ ประชาคมชาวการบินไทยให้ความเห็นว่า ถ้าหากมีความจำเป็นต้องว่าจ้างบุคคลซึ่งมีความสามารถที่จะช่วยให้กิจการของบริษัทดำเนินต่อไปได้เป็นอย่างดี ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคัดค้าน แต่ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้อยู่ตรงที่ว่า การจ้างบุคคลให้ทำงานต่อในครั้งนี้ กลับมีเสียงครหาว่าเป็นการจ้างบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นและได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์อันดีแต่ประการใดต่อบริษัท แต่กลับดูเสมือน เป็นการจ้างพรรคพวกของตัวเองกลับเข้ามามากกว่าการคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัท
บุคคลที่สังคมชาวการบินไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนี้ก็คือบุคคลที่ชาวการบินไทยรู้ดีว่าไม่สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป และไม่สมควรจะต้องจ้างต่อ แต่มูลเหตุในการจ้างต่อครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนกลุ่มหนึ่งในการบินไทย
อันที่จริงผู้ให้ข้อมูลระบุชื่อของสตรีรายนี้มาด้วย พร้อมทั้งระบุว่ามีสามีเป็นนายทหารยศพลเอก แต่ผู้เขียนขอสงวนสิทธิ์ในการนำเสนอชื่อของสตรีรายนี้ แต่ถึงกระนั้นแล้ว ผู้เขียนก็ยังมั่นใจว่าคนในการบินไทยรับรู้และรับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
อันที่จริงยังมีประเด็นที่จะต้องเขียนการบินไทยในเรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นอีกมากมาย โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง NZ หรือตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ ซึ่งคนในการบินไทยระบุตรงกันว่าตำแหน่ง NZ คือตำแหน่งสำคัญที่บุคลากรในสายการพาณิชย์ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในตำแหน่ง AA ของการบินไทยทั่วโลกต้องให้ความเกรงใจและเกรงกลัว เพราะฉะนั้น ประเด็นการที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเร่งร้อนรีบผลักดันให้ว่าจ้างอดีต NZ กลับเข้ามา คือการกระทำในเชิงต่างตอบแทนกันและกัน และในเชิงพวกพ้อง มากกว่าการคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทการบินไทย
เรื่องคำครหาในประเด็นนี้ หากผู้บริหารการบินไทยเห็นว่าคำสั่งที่ออกมานั้นถูกต้องโปร่งใสและเหมาะสมก็ควรจะต้องเร่งชี้แจงกับประชาคมการบินไทยให้เข้าใจเป็นการด่วน ดีกว่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาคลื่นใต้น้ำเช่นนี้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อบริษัทแม้แต่น้อย
ทั้งหลายทั้งปวงที่คอลัมน์นี้ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความไม่น่าจะชอบมาพากลในการบินไทยในแง่มุมต่างๆ มาโดยตลอด ก็เพื่อจะนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบว่า อะไรคือมูลเหตุของความล้มเหลวของการบินไทย ซึ่งมูลเหตุเหล่านั้นกำลังจะนำไปสู่ความพินาศล่มสลายของการบินไทย
ขอย้ำว่าผู้บริหารทุกระดับของการบินไทยสามารถช่วยกันยับยั้งความล่มสลายของการบินไทยได้ โดยการประพฤติปฏิบัติในหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัทการบินไทยเป็นสำคัญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี