นับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเป็นต้นมา ย่อมกล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหามากที่สุดและก่อปัญหามากที่สุดทุกกระบวนการและทุกห้วงเวลาที่เกี่ยวข้อง
กระทั่งคาดหมายกันโดยทั่วไปว่าอายุของรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่มีวันยืนยาวไปได้ เพราะความยาวของรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาขนาดนี้ย่อมเป็นวิบากใหญ่หลวงให้กับประเทศชาติและประชาชน
ซึ่งขณะนี้ก็แสดงให้เห็นผลแล้วถึงการไร้คุณธรรม ศีลธรรม ที่ก่อให้เกิดการทรยศหักหลังกันได้ในทุกเรื่อง ทรยศต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ทรยศต่อพรรคที่สังกัด กระทั่งทรยศไม่ปฏิบัติต่อรัฐธรรมนูญที่ได้ตรากันขึ้นมาเอง จนกระทั่งในวันนี้รัฐธรรมนูญก็ได้กลายเป็นเครื่องมือให้แก่การทำลายล้างกันในทางการเมือง
ตั้งแต่ช่วงที่ยังร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ รัฐธรรมนูญนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว คือปัญหาการตีความเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่ยังร่างไม่เสร็จนั้น นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของรัฐธรรมนูญที่ก่อปัญหาและเป็นปัญหาในตัวเองตั้งแต่ยังร่างไม่เสร็จ
ครั้นร่างเสร็จแล้วและนำไปสู่กระบวนการลงประชามติแบบมิบเม้ม เพราะเป็นการลงประชามติโดยที่ผู้ลงประชามติจำนวนมากไม่ทราบว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติว่าอย่างไร เพราะการแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญที่เดิมวางแผนกันไว้ว่าจะแจกจ่ายแก่ประชาชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งน้อยกว่าผู้มีสิทธิ์ลงประชามติจำนวนมากนั้น พอเอาเข้าจริงก็ปรากฏว่าร่างรัฐธรรมนูญที่จัดพิมพ์ไว้จำนวนมากก็ไม่สามารถจัดส่งให้แก่ประชาชนได้ตามที่วางแผนไว้
จึงต้องมีการแก้ตัวกันว่าให้ลงประชามติกันไปก่อนแล้วค่อยดูกันทีหลัง นับเป็นการลงประชามติที่พิลึกพิลั่นวิปลาสมากที่สุดในบรรดาการลงประชามติทั้งหลาย เพราะเป็นการลงประชามติโดยที่ไม่รู้เนื้อหาที่แท้จริงของสิ่งที่ลงประชามตินั้น
ครั้นลงประชามติไปแล้วก็ต้องห้ามด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มิให้มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญนั้นอีก แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่อาจกล่าวได้ แต่ในที่สุดก็มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญนั้นอย่างเร่งรีบ ซึ่งต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวชนิดเย้ยฟ้าท้าดินให้ประจักษ์ไว้ในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญ
ครั้นประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วก็มีปัญหาติดตามมาแทบจะเรียกว่าทุกบทมาตราที่เกี่ยวข้อง และต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความกันเป็นระยะๆ
กระทั่งมาถึงการเลือกตั้งก็กลายเป็นการเลือกตั้งที่ถูกตำหนิติเตียนมากที่สุด เพราะการคำนวณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ เกิดการถกเถียงกันสับสนอลหม่าน จนเกิดสิ่งที่เรียกว่าบัตรเขย่งบ้าง สส. 1,700 บ้าง ซึ่งล้วนแต่เป็นความอัปมงคลที่ปรากฏขึ้นในบ้านเมืองอันเกิดจากรัฐธรรมนูญนั่นเอง
ครั้นมาถึงการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของทั้ง สส. และ สว. ก็ปรากฏว่าเป็นปัญหาใหญ่โต ที่ถ้าหากเคร่งครัดปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแล้วก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่ เพราะมีผู้ที่อาจถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติร่วมครึ่งหนึ่งของสภา
โดยเฉพาะคือบทบัญญัติเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหรือการถือหุ้นสื่อมวลชน ซึ่งแม้เพียงเริ่มต้นก็มีผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของสื่อมวลชนเกือบ 200 คน ซึ่งถ้าหากทำการตรวจสอบไต่สวนและดำเนินการโดยมาตรฐานเดียวกันกับกรณีของนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ แล้วก็อาจมี สส. หรือ สว. เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา
ดังนั้น แม้การเลือกตั้งผ่านพ้นมาช้านานแล้ว จึงมีแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเดียวที่ถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุดว่าขาดคุณสมบัติเพราะถือหุ้นสื่อมวลชน นอกจากนั้นยังถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ก่อนเปิดสภาด้วยซ้ำไป
จึงทำให้คนทั้งหลายเห็นความไม่ยุติธรรม ถึงขนาดกล่าวขานกันว่าบทบัญญัติในเรื่องนี้อาจจะใช้สำหรับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเดียว
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าย่อมกระทบต่อความศรัทธา ต่อกระบวนการยุติธรรม และต่อองค์กรอิสระของประเทศอย่างร้ายแรง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มาของบทพระราชปรารภเป็นพิเศษกว่าฉบับอื่นๆ คือได้แสดงเหตุแห่งปัญหาของบ้านเมืองไว้เป็นสี่ประการว่าวิกฤติในบ้านเมืองของเรานี้มีสาเหตุมาจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎร
ซึ่งควรจะเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติของทุกภาคส่วนและทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ แต่การณ์กลับปรากฏว่ามีการปฏิบัติที่สวนทางกับการแสดงสาเหตุวิกฤติในบ้านเมืองอย่างชัดเจน
การทุจริตเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า การฉ้อฉลเกิดขึ้นทุกวงการ แม้กระทั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยของประชาชน มีการบิดเบือนการใช้อำนาจอย่างน่าเกลียดน่าชังและเย้ยฟ้าท้าดิน ไม่ต้องพูดถึงการไม่ใส่ใจนำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎร ดังเช่นกรณีสารพิษ ทั้งที่รู้เห็นอยู่เต็มอกว่าทำร้ายประชาชนจำนวนมาก แม้กระทั่งเด็กในครรภ์มารดาแต่ก็ยังให้ใช้สารพิษต่อไป ด้วยข้ออ้างแค่ว่ายังไม่สามารถหาสารอื่นมาทดแทนได้
กว่าจะหาสารอื่นมาทดแทนได้ ชีวิตคนไทยจะด่าวดิ้นไปอีกสักเท่าใด สุขภาพอนามัยของคนไทยจะถูกทำลายสักขนาดไหน ก็หามีใครนำพาไม่
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือรัฐธรรมนูญ 2560 นี้คือหลักฐานที่สำคัญที่สุดของการฝ่าฝืนพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9ที่พระราชทานแนวทางไว้สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะไม่เกิดปัญหาเหมือน 80 ปีที่ผ่านมาอีกแต่กลับมีการกระทำที่ท้าทายและฝ่าฝืนอย่างโจ่งแจ้งที่สุด
และมหันตภัยที่แฝงอยู่ก็คือการสร้างระบบการเลือกตั้งที่มี popular vote ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งระบบนี้ก็คือรุ่งอรุณของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐนั่นเอง
วันรัฐธรรมนูญปีนี้จึงเป็นปีที่ควรจะได้ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง และเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามอย่างแท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี