เมื่อไหร่รัฐสภาแห่งใหม่จะแล้วเสร็จเสียที?
หลังดำเนินการก่อสร้างผ่านมาแล้วมากกว่า 2,300 วัน ก็ยังไม่เสร็จเสียที
ผ่านไปแล้วเกือบๆ 7 ปี!!!
1. ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 บริษัทซิโน-ไทย ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ได้รับขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่อีก 382 วัน ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2562- 31 ธ.ค.2563
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่บริษัทเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบตามสัญญาเลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เมษายน 2556 โดยมีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งเดิมจะครบกำหนดระยะเวลาก่อสร้างในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 นั้น
“...บริษัทฯ ขอเรียนว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินงานก่อสร้างอย่างเร่งด่วน และต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาแต่ระหว่างก่อสร้างมีเหตุตามข้อกำหนดแห่งการขอขยายระยะเวลาก่อสร้างได้ตามสัญญาฯ บริษัทฯจึงได้ดำเนินการขอขยายเวลาก่อสร้างโดยดำเนินการเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขแห่งสัญญาก่อสร้างฯอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยบริษัทฯ เสนอผ่านผู้ควบคุมงานและที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้พิเคราะห์พิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นที่เป็นอุปสรรคของการก่อสร้าง ตามเงื่อนไขข้อกำหนดแห่งการขยายเวลาก่อสร้างในสัญญาจ้างแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมแนบท้ายสัญญาฯ ตกลงให้บริษัทฯ ขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ออกไปอีก 382 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563...”
สรุป คือ ได้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 382 วัน
2. เมื่อได้รับการขยายเวลาก่อสร้างจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับว่า บริษัทซิโน-ไทย สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่จะโดนค่าปรับไปแล้วเปลาะหนึ่ง
เพราะตามสัญญาเดิมนั้น จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562
หากไม่เสร็จ ก็อาจต้องถูกคิดค่าปรับรายวัน วันละ 12 ล้านกว่าบาท
สมมุติว่า 382 วัน ก็คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท
แต่เมื่อได้รับการขยายเวลาแล้ว หากมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ก็เท่ากับเอกชนหมดห่วงเรื่องนี้ไปแล้ว
3. แต่ไม่ได้หมายความการตรวจสอบในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรจะต้องยุติตามไปด้วย
ตรงกันข้าม กลับจะต้องดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังมากกว่าเดิม เพราะถือว่าข้าราชการได้กระทำการสำเร็จแล้ว ในการขยายเวลาก่อสร้างแก่เอกชน ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์ ไม่ต้องเสียค่าปรับ
แต่การกระทำนั้นได้ทำไปอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขสัญญาหรือไม่ เพียงใด หรือฝ่าฝืนกฎหมายอื่นใด ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ อย่างไร? เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องไม่อาจละเว้นที่จะต้องตรวจสอบให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์หลังจากนี้
4. สัปดาห์ที่แล้ว นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ระงับการขยายระยะเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ครั้งที่ 4
ประเด็นที่ยื่นนั้น ได้ขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
นายวัชระระบุว่า กลุ่มงานพัสดุ สำนักการคลังและงบประมาณ ได้มีความเห็นว่า ให้ระงับการขยายเวลาการก่อสร้าง โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับ
หลักการคิดในการขยายเวลาการก่อสร้างรัฐสภาให้กับผู้รับจ้างว่า เมื่อพิจารณาตามสัญญาจ้างก่อสร้างเลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เม.ย. 2556 ผนวกข้อ 16 การประสานงานระหว่างผู้รับจ้างหลักและผู้รับจ้างอื่น ผู้รับจ้างไม่สามารถยกเอาเหตุที่ผู้รับจ้างรายอื่นๆ รายใดรายหนึ่ง หรือหลายรายทำงานล่าช้า ขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อขอขยายเวลาทำงานอีกไม่ได้ จึงขอให้ประธานสภาฯ ระงับการขยายสัญญาการก่อสร้างครั้งที่ 4 ตามที่ผู้รับจ้างขอมาจำนวน 502 วัน เพราะขณะนี้กำลังจะมีการอนุมัติโดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เป็นเวลา 382 วัน ซึ่งเห็นว่าน่าจะขัดต่อสัญญาและเอกสารต่างๆ
นายวัชระยืนยันว่า การมายื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ ไม่ได้ต้องการให้ระงับการก่อสร้าง แต่ต้องการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเลขาธิการสภาฯ เพราะการขยายออกไปจะมีผลให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าวันละ 2 ล้านบาท ทั้งค่าเช่าอาคารสถานที่ และยานพาหนะที่รับส่งเจ้าหน้าที่จากอาคารต่างๆ มาทำงานยังรัฐสภา
5. ปัญหาการก่อสร้างรัฐสภาใหม่บ้านเรา ไม่ทราบว่าติดอันดับโลกการก่อสร้างรัฐสภาที่ใช้เวลายาวนานที่สุดหรือไม่
ที่ผ่านมา สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในฐานะผู้ว่าจ้าง ได้มีการขยายเวลาให้เอกชนผู้รับจ้างไปแล้ว 3 ครั้ง
ถ้ารวมครั้งล่าสุดนี่ด้วย ก็จะเป็นครั้งที่ 4
เริ่มต้น สัญญากำหนดเวลาให้ก่อสร้าง 900 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558
ขยายครั้งที่ 1 จำนวน 387 วัน (25 พ.ย. 2558 – 15 ธ.ค. 2559) สืบเนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า และปัญหาอุปสรรคในการขนดินที่ขุดจากการก่อสร้างเสาเข็มเจาะออกไปเก็บไว้นอกโครงการก่อสร้าง
ขยายครั้งที่ 2 จำนวน 421 วัน (16 ธ.ค. 2559 – 9 ก.พ. 2561) สืบเนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีความล่าช้าในการขนย้ายดินที่ขุดเพื่อการก่อสร้างชั้นใต้ดิน
ขยายครั้งที่ 3 จำนวน 674 วัน (10 ก.พ. 2561 - 15 ธ.ค.2562) สืบเนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่บริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ดุสิต และศูนย์สาธารณสุข 38 ของกรุงเทพมหานคร ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า และบ้านพักข้าราชการกรมการอุตสาหกรรมทหาร
เท่ากับว่า ขยายเวลามาแล้ว 3 ครั้ง รวมเวลาขยาย 1,482 วัน
ถ้านับตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะใช้เวลาไปแล้วกว่า 2,300 วัน
ล่าสุด บริษัท ซิโน-ไทย ขอขยายเวลา 502 วัน แต่คณะกรรมการตรวจการจ้างมีมติให้ขยายเวลา 382 วัน
กระทั่งล่าสุด บริษัท ซิโน-ไทย เผยว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ขยายเวลาให้อีก 382 วัน
หรืออีกปีกว่าๆ
ถ้ารวมเวลาก่อสร้างทั้งหมด (รวมเวลาที่ได้รับการขยายไป)ก็จะทะลุไปถึง 2,764 วัน
หรือเกือบๆ 8 ปี
โดยที่หน่วยงานรัฐ ในฐานะผู้ว่าจ้าง ไม่สามารถเรียกปรับเอกชนผู้รับจ้างได้เลย
6. ประเด็นที่จะต้องตรวจสอบต่อไป คือ การอนุมัติขยายเวลาก่อสร้างให้เอกชนนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และดำเนินการตามขั้นตอนในสัญญาหลักอย่างถูกต้อง ครบถ้วน หรือไม่?
เท่าที่ปรากฏในขณะนี้ สัญญาจ้างก่อสร้างข้อ 24.1 ระบุว่าจะขยายเวลาได้ “ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุใดๆ อันเนื่องมาจากความผิดหรือความบกพร่องของฝ่ายผู้ว่าจ้างหรือพฤติการณ์อันหนึ่งอันใดที่ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาการทำการตามสัญญานี้ได้”
นอกจากนี้ ฝ่ายผู้รับจ้างยังจะต้องแสดงหลักฐานเป็นหนังสือแจ้งเหตุดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้างทราบภายใน 15 วัน นับจากวันที่เหตุหรือพฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏว่า กรณีสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ขยายเวลาก่อสร้างแก่เอกชนไปนั้น เป็นเหตุให้เอกชนไม่ต้องเสียค่าปรับนั้น มีหลักฐานครบการดำเนินการอย่างครบถ้วนถูกต้อง ตามเงื่อนไขในสัญญาหลักหรือไม่ อย่างไร? อันจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ทำให้รัฐเสียหาย หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี