ประสามนุษย์เงินเดือน ก็ยินดีด้วยกับลูกจ้าง ที่คณะกรรมการค่าจ้าง ส่งสัญญาณปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 6 บาท 9 จังหวัด และขึ้น 5 บาททั่วประเทศ เตรียมยื่นเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มกราคม 2563
จังหวัดที่ปรับขึ้น 6 บาท มีจำนวน 9 จังหวัด คือ ชลบุรี ภูเก็ต กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ สมุทรสาคร และปราจีนบุรี ส่วนจังหวัดที่เหลือได้รับการปรับขึ้นในอัตรา 5 บาท ทั่วประเทศ
ถ้าครม.อนุมัติค่าจ้างขั้นต่ำ อานิสงส์จะส่งไปถึงแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ
ส่วนลูกจ้างที่อยู่กับนายจ้างมานานก่อนหน้านี้แน่นอนได้ค่าจ้างเกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปหมดแล้ว ก็ลุ้นๆ อยู่ว่านายจ้างจะปรับเพิ่มโอกาสปีใหม่ให้ไหม!!!
การปรับค่าจ้างขั้นต่ำใหม่นี้ ทาง นายวิชัยโภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า น่าจะกระทบต้นทุนเล็กน้อย เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก แต่หากผู้ผลิตจะขอปรับราคาต้องมีการพิจารณาต้นทุนว่าสอดคล้องกับราคาที่จะปรับหรือไม่ และกรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดขอปรับราคา
น.ส.ธีราพร ธีรทีป ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า หากขึ้นค่าแรงในอัตราที่ไม่สูงมาก เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อราคาสินค้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคาดว่าจะต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้ประชาชนยังคงระมัดระวังการจับจ่าย โดยราคาสินค้าขณะนี้ส่วนใหญ่ยังทรงตัว เนื่องจากปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้กำลังซื้อลดลง ผู้ผลิตสินค้าชะลอการปรับขึ้นราคา ขณะที่ผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสูงเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้มีการแข่งขันสูงมาก
แต่ทางนายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่า การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ถือว่าพอที่จะอยู่ในกรอบโดยแพงกว่ากรอบ 1.50 ถึง 2 บาท ที่จริงแล้ว ตามกรอบการพิจารณาควรปรับเพิ่มค่าแรง 3 บาท ถึง 3 บาท 50 สตางค์ต่อวันเท่านั้น
หากพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว ซึ่งเศรษฐกิจไม่ดีเศรษฐกิจโลกซบเซาลงหลายโรงงานปิดตัวลง หลายโรงงานเลือกที่จะชะลอการจ้างงาน ขณะที่หลายโรงงานให้พนักงาน พักงานชั่วคราวโดยจ่ายค่าจ้างให้ร้อยละ 75 ของเงินเดือนถือเป็นสัญญาณบอกว่า เศรษฐกิจปัจจุบันมีปัญหา ผู้ประกอบการจึงเลือกที่จะทำอย่างนี้ เพราะว่าคำสั่งซื้อไม่มี และเห็นว่าในอนาคตข้างหน้าอาจจะไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ภาวะขณะนี้คือ อยู่ในช่วงรอติดตามว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่
ดังนั้น การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในวันนี้ นับเป็นการขึ้นในจังหวะที่ไม่ดี เพราะเป็นการซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันถึงแม้ว่าการขึ้นค่าจ้างนั้นจะอยู่ในกรอบที่วางหลักเกณฑ์ไว้ นอกจากนี้ การขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการที่แย่อยู่แล้วจะตัดสินใจว่าจะรอต่อไปหรือจะปิดบริษัท
“ความเห็นของผมก็คือ การขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้ไม่น่าจะขึ้นและจะเกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะผู้ประกอบการในต่างจังหวัดจะได้รับผลกระทบไม่ทางตรงและก็ได้รับผลกระทบทางอ้อม สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่แล้วไม่กระทบ” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติกล่าวถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัดว่า ผลกระทบทางตรงที่ SMEs ถูกกระทบคือ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 5-6 บาท ทำให้พวกเขาไม่สามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้จริงๆส่งผลกระทบทางอ้อมก็คือผู้ประกอบการที่กำลังชั่งใจว่าจะทำธุรกิจต่อไปหรือเลิกทำธุรกิจ การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้เป็นการตอกย้ำว่า ไม่อยากทำธุรกิจต่อไปแล้ว อีกส่วนก็คือโรงงานขนาดกลางที่รับออเดอร์จากโรงงานขนาดใหญ่ และจะส่งต่องานให้กับโรงงานขนาดเล็ก หากไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาก็จะมีปัญหา
“สอท.เราทำอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากเป็นมติของคณะกรรมการค่าจ้างกลางที่ออกมาแล้ว สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ภาครัฐช่วยดูแลผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้โดยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทั้งการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน”
อีกปัจจัยหนึ่งซึ่งตอกย้ำว่า การขึ้นค่าแรงไม่ถูกเวลา ไม่เหมาะสม ลดขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก ก็คือ เป็นการปรับขึ้นในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นนับจาก1 ปีครึ่งที่ผ่านมาถึงร้อยละ 7-8 ซึ่งทำให้ทุกสิ่งที่มีต้นทุนจากเงินบาทจะแพงขึ้นตามเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำปัจจุบันอยู่ที่วันละ 325 บาท หากเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ต้นทุนค่าแรงที่ใช้คำนวณในการตั้งราคาขายสินค้าส่งออกก็จะต้องตั้งแพงขึ้นอีก ค่าแรงจะแพงขึ้นอีก 25 บาท จะทำให้เท่ากับต้องจ่ายค่าแรงในอัตรา 350 บาทต่อวัน ปัจจุบัน อุตสาหกรรมส่งออก มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP รวมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย
ครับก็เป็นเสียงสะท้อน และความห่วงใยถึงภาวะเศรษฐกิจในระยะนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี