ข่าวนักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคต่างๆได้ยื่นใบลาออกจากพรรคการเมืองดั้งเดิมที่เคยเป็นสมาชิกและอยู่กับพรรคมานานเป็นสิบๆ ปีเริ่มเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งหนึ่งหลังจากเงียบหายไปเป็นระยะเวลา2-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ 2563 มาพร้อมๆ กับข่าวที่ว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะมีการปรับปรุงตัวคณะรัฐมนตรีหลังจากที่นั่งทำงานมาได้ไม่ถึง 6 เดือน ซึ่งอาจจะเป็นข่าวปล่อยหรือข่าวลวงก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น
เพราะปัจจุบันสื่อสารมวลชนในประเทศของเราได้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข้ามาเป็นกลุ่มเป็นพวกกับนักการเมืองเต็มตัว คำว่าสื่อสารมวลชนเป็นกลางทางการเมืองในประเทศไทยไม่มีมานานเป็นสิบๆ ปีแล้ว ซึ่งการที่สื่อสารมวลชนเป็นพวกเดียวกับพรรคการเมืองนั้นในฐานะที่เรียกสื่อสารมวลชนเป็นฐานันดรที่สี่ก็จริง แต่สื่อสารมวลชนนั้นก็คือคนหรือมนุษย์ธรรมดาย่อมมีจิตใจที่รักใคร่ชอบพอกับนักการเมืองอยู่แล้วไม่ใช่ประเด็นใหญ่แต่อย่างใด
ปัจจุบันนายทุนที่ฝักใฝ่การเมืองจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่ หรือว่าเป็นนายทุนให้สื่อสารมวลชนก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่ประการใด ในประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา,สหราชอาณาจักร,ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี สื่อมวลชนมักจะประกาศตัวเองแบบตรงไปตรงมาว่าเขาสนับสนุนพรรคการเมือง อย่างในสหราชอาณาจักร หนังสือพิมพ์หรือว่าสื่อออนไลน์ก็จะประกาศตัวว่าเขาสนับสนุนพรรคการเมืองใดบ้าง เช่น คอนเซอร์เวทีฟ,เลเบอร์ หรือว่าลิเบอรัล
ในสหรัฐอเมริกาก็จะมีการประกาศตรงๆ ว่าเขาสนับสนุนพรรคเดโมแครต หรือพรรครีพับลิกัน โดยเปิดเผย สำหรับประเทศไทยเองก็มีข่าวสื่อสารมวลชนทะเลาะกับพรรคการเมืองตรงๆ ก็มีถึงขั้นสมาชิกพรรคไปฟ้องสื่อสารมวลชนหลายครั้งหลายคราว เพราะสื่อสารมวลชนก็คือคนย่อมมีการแสดงออกว่าสนับสนุนใครบ้าง ประชาชนผู้เสพสื่ออ่านสื่อก็เช่นกันหากมีหัวอนุรักษ์นิยมก็จะชอบอ่านสื่อค่ายหนึ่งและหากมีหัวก้าวหน้าก็อาจจะเสพสื่ออีกค่ายหนึ่งก็เป็นได้ทั้งสิ้น
การที่นักการเมืองหรือว่า สส.ลาออกไปจากพรรคใดพรรคหนึ่งนั้น มีความเป็นไปได้ว่านักการเมืองคนนั้นเบื่อและผิดหวังกับพรรคการเมืองเดิมที่สังกัดมานานการลาออกไปแม้เขาจะสูญเสียตำแหน่งในการเป็นสส.เขาก็ยอมเพราะในเมื่ออุดมการณ์ทางด้านการเมืองไม่ตรงกัน นักการเมืองก็อาจจะไม่ยอมทนอยู่กับพรรคการเมืองเดิมขอลาออกเพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ดีกว่าจะยอมทนอยู่ในพรรคเดิมๆ ที่เขาเห็นว่าตัวเขาได้หมดศรัทธากับพรรคการเมืองเดิมนั้นแล้ว
อย่างกรณีที่มีข่าวว่าพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่ที่มีคนระดับมหาเศรษฐีในสกุลจึงรุ่งเรืองกิจกำลังจะถูกยุบพรรคเพราะทำผิดกฎหมายก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขั้นจะต้องไปปลุกระดมประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาลแต่อย่างใดเพราะเป็นความผิดพลาดของคณะผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่เองที่ไม่ศึกษากฎหมายและกติกาต่างๆ ให้ดีมากกว่า
รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ สามารถไปสั่งการให้องค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้งและศาลรัฐธรรมนูญไปยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ที่ถูกยุบเพราะพรรคอนาคตใหม่ทำผิดพลาดเองมากกว่าและนี่เป็นบทเรียนให้คนรุ่นใหม่หน้าใหม่ทางการเมืองต้องระมัดระวังให้มากเพราะเงินไม่สามารถซื้อความสำเร็จได้เสมอไป นี่เป็นสัจธรรมที่ปฏิเสธกันไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี