ถึงแม้ผมจะเป็นนักวิชาการธรรมดาคนหนึ่ง แต่ในชีวิตได้สัมผัสผู้ใหญ่หลายคน โชคดีที่มีโอกาสได้รู้จักทั้งคุณ ส.ศิวรักษ์ และคุณอานันท์ ปันยารชุน พอควร
คุณ ส.ศิวรักษ์ ซึ่งอายุมากกว่ามีโอกาสได้พบช่วงผมเรียนหนังสือที่อเมริกา ยังแปลกใจในแนวคิดต่อต้านสิ่งที่คนไทยเทิดทูน ซึ่งผมมีความคิดอยู่แล้วว่าประเทศไทยอยู่มาได้ถึงทุกๆ วันนี้ก็เพราะเรามีประวัติศาสตร์ให้ดำรงความมีเอกราชอยู่จนทุกวันนี้เป็นที่เทิดทูนของคนไทยอย่างสูงส่งอันน่ายกย่องพระมหากษัตริย์ในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีที่ปกปักรักษาเมืองไทยให้ผ่านวิกฤติใหญ่หลายครั้ง
เมื่อผมกลับมาทำงานแล้ว ได้ทราบอยู่เสมอว่า ส.ศิวรักษ์ก็ยังมีการต่อต้านอยู่เสมอมา
ที่น่าสนใจคือเมื่อจะถูกดำเนินคดี 112 วิ่งเข้าหาเพื่อนๆ ที่มีบทบาทในสังคม ขอความช่วยเหลือ แสดงว่าจุดยืนของ ส.ศิวรักษ์ไม่ตรงกับแนวคิดที่เขามีอยู่ยังต่อต้านได้ แต่ไม่ยอมถูกดำเนินคดี
คิดเสมอว่าตนถูกต้องเสมอ มีคนไทยที่สนับสนุนเขาไม่มากนัก เพราะเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับคนไทยส่วนใหญ่
การมีความคิดอย่างอคติเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งทำงานทำนองเดียวกับอเมริกาในสหรัฐอเมริกาที่คนที่คลั่งทรัมป์โดยไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรว่าทรัมป์เป็นคนดีหรือโกหกซึ่งๆ หน้า ก็จะโหวตให้
หรือเช่น คนที่บ้าคลั่ง Boris Johnson เรื่อง Brexit จะออกจาก EU ให้ได้ทั้งๆ ที่ได้ค้นพบแล้วว่าออกแล้วบริษัทใหญ่อยู่ได้ บริษัทเล็กๆ จะลำบากมาก แต่ Boris จะออกให้ได้
ช่วงหลังผมไม่ได้ติดตาม ส.ศิวรักษ์ว่าทำอะไรมากนัก แต่จุดยืนก็คงไม่เปลี่ยนนัก อาจจะระมัดระวังการพูดมากขึ้น ไม่ให้ถูกดำเนินคดี 112
พอดีกับมีหนุ่ม 2 คน อายุ 40 ปี ได้ไปปรึกษา ส.ศิวรักษ์เพื่อขอความสนับสนุนแนวคิด ทำให้นึกถึงนายกฯฟินแลนด์คนใหม่อายุแค่ 34 ปี ทั้ง 2 คน มีความคิดทำงานว่าไม่ชอบทหาร ผมเองก็ไม่ได้ชอบทหารในทุกเรื่อง แต่ผมต้องมองความจริงตามทฤษฎี 2R’s ของผม
- Reality ความจริง
- Relevance ตรงประเด็น คือดูทหารเป็นเรื่องๆ ไป หากไม่ดีก็หาทางแก้ไข
เช่น ยุคคุณทักษิณที่หลงอำนาจถ้าหากไม่มีทหารมาช่วยแก้วิกฤติ เขาจะเลือกตั้งทุกครั้งชนะ ผูกขาดการปกครองไทย อะไรจะเกิดขึ้น ออกกฎหมายนิรโทษกรรมบางคนกลับนิรโทษตัวเองมีข่าวว่าวันนี้กำลังสนับสนุน ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เพราะทำงานเข้าตาในยุคที่เปลี่ยนกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองด้วยการลงคะแนนตอนตี 4
ผมยังไม่เคยเขียนถึงพรรคอนาคตใหม่ งานเขียนของผมอยู่ในเว็บไซต์หลายๆ เว็บ นอกจากตีพิมพ์ในแนวหน้าอย่างสม่ำเสมอกว่า 20 ปี ส่วนมากจะเขียนเรื่องที่เป็นสาระ โดยเฉพาะเรื่องพัฒนาคน ไม่ใช่เขียนเพื่อดัง ผมเขียนเพราะได้รับเกียรติจากพี่วารินทร์ พูนศิริวงศ์ ที่รู้จักกันมานาน และจะเลือกพูดเรื่องที่ไม่ใช่การเมืองเท่านั้น ขอเสนอแนวคิดการเมืองเพื่อคนไทยได้นำไปคิดต่อ
พรรคอนาคตใหม่มีข้อดีคือใช้จุดอ่อนของพรรคอื่นๆ ที่ขาดการใช้ Digital ยุค 4.0 อย่างมีประสิทธิภาพ ทราบมาว่าเขาเน้นที่เด็ก 14-18 ปี โดยการส่งข้อมูลให้อย่างสม่ำเสมอ เช่น การประชุมสภาของสมาชิกอนาคตใหม่พูดอะไรก็จะส่ง online ไปสู่สาวกเป็นล้านคนโดยเฉพาะเรื่องทหาร เลิกการเกณฑ์ทหาร การแก้รัฐธรรมนูญ เช่น ระหว่างการประชุมสภาฯ เขาจะรายงานไปยังสาวกของเขาออนไลน์แต่ละครั้งเป็นล้านๆ ไลน์ ประเด็นที่เขาพูดคืออะไรบ้าง
ส่วนใหญ่เน้นเรื่องที่เขาสนใจ เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหารการแก้รัฐธรรมนูญ การสืบทอดอำนาจ ถ้าแน่จริงลองเสนอนโยบายเช่น
1.ปฏิรูปการศึกษาอย่างไร
2.ปฏิรูประบบราชการอย่างไร
3.แก้ปัญหาโลกร้อนอย่างไร
4.แก้ปัญหาความยากจนอย่างไร
5.การพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของไทยในอนาคต
ทำไมพรรคไม่พูดหรือมีนโยบายเหล่านี้และควรนำเสนอวิธีทำที่สำเร็จด้วย ผมเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งถ้าผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ ต้องคิดถึงเรื่องโลกร้อนเพราะรุ่นเขาจะต้องรับผลกระทบ การไปพบกันระหว่างปิยบุตร และธนาธร กับ ส.ศิวรักษ์ ไม่แปลกใจว่าเป้าหมายคืออะไร
ส่วนการพบกันของธนาธรและคุณอานันท์ก็น่าสนใจ เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นมุมมองที่คนไทยหรือสื่อไทยต้องนำไปคิด
กล่าวคือคุณอานันท์เกิดมาจากครอบครัวที่ดีรับใช้ประเทศเคยเป็นทูตและเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งยุคพลเอกสุจินดา คราประยูร ปฏิวัติได้ให้คุณอานันท์เป็นนายกรัฐมนตรีและต่อมาได้รับเลือกเป็นนายกฯอีกครั้ง โดยเสนอต่ออดีตประธานสภาฯ อาทิตย์ อุไรรัตน์
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเชิญธนาธรไปพูด ซึ่งคุณอานันท์ ก็ไปฟังด้วย ความคึกคะนองของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ได้พูดโจมตีรัฐบาลหลายเรื่องที่น่าตลกบอกว่า เมื่อไหร่จะนำคนออกมาประท้วงในท้องถนนทำนองอยากเห็นแบบฮ่องกง ใช้แก๊สน้ำตาแต่ธนาธรบอกว่ารอก่อนไม่รีบร้อน ผมฟังดูแล้วเศร้าใจที่มีคนระดับนี้เน้นการเมืองนอกถนน และถ้าเขายุบพรรคก็เพราะทำผิด ซึ่งบัดนี้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้วถึงแม้ว่าไม่สมบูรณ์ แต่ก็ต้องมีการหารือในสภา
เราผ่านการเมืองนอกถนนระหว่างเหลืองแดงมานานแล้ว คนไทยต้องการการเมืองในระบบสภาฯต้องการความสงบไม่ต้องการความแตกแยกแบ่งสีที่ทำให้เกิดความเสียหายเช่นนั้นอีกแล้ว
เสร็จแล้วคุณอานันท์ก็เอาหนังสือประวัติท่านให้อ่านให้ลองศึกษาดู ซึ่งคุณธนาธรคงไม่เชื่อเพราะคนละแนว แต่คนไทยจะได้รู้ว่าแนวคิดของคุณอานันท์ กับ ส.ศิวรักษ์ ต่างกันสิ้นเชิง
บทเรียน 2 เรื่องคือประเทศไทยหากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ดูปัญหาให้รอบคอบ อย่าคิดว่าเพียงแค่เพราะพรรคมีเงิน มีฐานคะแนนจากวัยรุ่นจะทำอะไรก็ได้
ผมบางครั้งก็ไม่ให้ทหารอยู่ในอำนาจนานๆ ต้องเปิดโอกาสให้การเมืองมีการเลือกตั้ง ก็ออกความเห็นเป็นระยะไม่ใช่เชียร์ทหารทุกๆ เรื่อง
แต่การเลือกตั้งทุกๆ ครั้ง ในอดีตเป็นพรรคคุณทักษิณชนะทุกที คู่แข่งไม่มี ผมก็ไม่เอาเพราะรู้ว่าทักษิณจะมีเป้าหมายอย่างไร โกงอย่างมหาศาลและใช้เผด็จการรัฐสภาซื้อเสียงแม้กระทั่งสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งและในที่สุดก็สู่วงจรปฏิวัติอีก ทหารเขาไม่ต้องการปฏิวัติหรอกถ้าไม่จำเป็น
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่น่าสนใจและถ้าประคับประคองไปได้ก็จะเป็นพื้นฐานที่ดีและบทบาททหารก็เป็นบทบาทที่เหมาะสมเพราะทำให้พรรคทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาลเป็นครั้งแรก
พรรคเพื่อไทย เล็กลงและมีแนวโน้มจะเล็กไปอีก มีคนในพรรคย้ายมาอยู่พลังประชารัฐจำนวนมาก ทำให้คุณทักษิณแค้นมาก แต่ก็ไม่ควรประมาทพรรคคุณทักษิณเรื่องคะแนนนิยมในภาคอีสานและภาคเหนือซึ่งยังมีบทบาทอยู่มาก ซึ่งผมเองก็ต้องยอมรับว่าอิทธิพลของคุณทักษิณยังมีอยู่
พรรคอนาคตใหม่อาจจะมีปัญหายุบพรรค แต่ประสบความสำเร็จกับคนรุ่นใหม่และปัญหาที่ตัวเองเรื่องทำผิดกฎหมาย
ส่วนพรรคทหารหรือพลังประชารัฐ ซึ่งหลายคนคิดสูตรเดิมว่าคุมเสียงไม่ได้เพราะล้มมาทุกครั้ง คราวนี้บิ๊กป้อมมาดูแลให้ผู้นำคนไทยพอใจภาวะผู้นำของพลเอกประยุทธ์ ยังมีพรรคเพื่อไทยย้ายมาร่วมอีก ซึ่งทำให้คุณทักษิณเปิดตำราแก้ไม่ทัน อดีตประธานสภาฯอาทิตย์ บอกว่ารัฐบาลบิ๊กตู่ต้องให้ดูแลประเทศไปสักพักเพื่อไม่ให้ทักษิณกลับมา ผมเห็นว่าให้เป็นประชาธิปไตยเช่นนี้สักพัก แล้วค่อยๆ แก้รัฐธรรมนูญให้เหมาะสม คนดีๆ หรือพรรคการเมืองที่เน้นกลุ่มวิชาชีพจะได้เข้ามามากขึ้น ผมคาดว่าควรมีพรรคใหม่ เช่น
- พรรค Green ดูแลสิ่งแวดล้อม
- พรรคแรงงานมีผู้ใช้แรงงานร่วมด้วยอย่างจริงจัง
- พรรคครู
- พรรคเกษตรกร
- พรรคนักวิชาการหรือวิชาชีพ
- พรรค 4.0 /5.0
อาจจะมีโอกาสได้เข้ามา บทบาททางทหารจะลดลงไปเอง ซึ่งผมคิดว่าบิ๊กตู่ก็ค่อยๆ จากการเมืองไปโดยทิ้งการเมืองที่มีคุณค่าให้คนรุ่นหลังทำต่อ เป็นคนรุ่นใหม่ที่คิดดีไม่ใช่คนรุ่นใหม่คิดจะทำลายทุกๆ อย่างที่ดีของไทย
การเมืองต้องเดินสายกลาง ถ้าผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ผมว่าจะมีผู้นำใหม่ที่ไม่ใช่เป็นเหมือนธนาธร หรือปิยบุตร เพราะเมืองไทยต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แล้ว
“กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี”
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บรรยายก้าวต่อไปพรรคอนาคตใหม่ โดยมีอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน มาร่วมรับฟังนายธนาธร ยังได้เซ็นและมอบหนังสือประวัติของนายอานันท์ในวันดังกล่าว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล จากพรรคอนาคตใหม่มาพบ “ส.ศิวรักษ์” นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของนามปากกา ส.ศิวรักษ์เป็นนักเขียน นักวิชาการอิสระ ปัญญาชนสยาม ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสีลม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี