ก่อนอื่นต้องขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าผู้เขียนคอลัมน์นี้ไม่เคยมีเจตนาร้ายต่อการบินไทย และผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย แต่ต้องการเห็นการบินไทยเติบโตต่อไป และดำรงอยู่อย่างสง่างาม เนื่องจากผู้เขียนตระหนักดีว่าการบินไทยคือสายการบินแห่งชาติ และถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย และคนไทย แต่ผู้บริหารของการบินไทยอาจจะเข้าใจว่าผู้เขียนมีเจตนาร้ายต่อการบินไทย เพราะข้อเขียนต่างๆ นานาที่เกี่ยวข้องกับการบินไทยในคอลัมน์นี้ดูเสมือนว่ามุ่งโจมตีการบินไทย อย่างไรก็ตามขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ผู้เขียนไม่มีเจตนาโจมตีการบินไทย แต่ต้องการเห็นการบินไทยเจริญและก้าวหน้าต่อไป และต้องการเห็นการบินไทยก้าวไปเป็นสายการบินอันดับหนึ่งของโลก แม้ความฝันของผู้เขียนอาจจะดูเลือนรางมากเต็มทีก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงฝันอยู่เช่นเดิม
ขณะเดียวกัน ผู้เขียนมีความเห็นอกเห็นใจ นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือที่เรียกตำแหน่งเป็นการทั่วไปว่า DD เป็นอย่างมากและเข้าใจดีว่านายสุเมธก็ปรารถนาจะเห็นการบินไทยเติบโตและก้าวหน้า แต่ความปรารถนาของนายสุเมธเป็นความปรารถนาดีที่หลายต่อหลายคนเห็นตรงกันว่าเกิดขึ้นได้จริงยากมาก เพราะการบินไทยมีปัญหาหมักหมมจนเน่าเฟะ หลายคนที่ติดตามเรื่องราวของการบินไทยมาโดยตลอดต้องรู้ดีว่า การบินไทยขาดทุนสะสมมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษ จวบจนปัจจุบันการบินไทยก็ยังคงขาดทุน ดังตัวเลขที่ปรากฏล่าสุดคือ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562การบินไทยขาดทุนมากถึง 1 หมื่นล้านบาท ถึงแม้ การบินไทยจะพยายามจัดการตัวเลขทางบัญชีเพื่อหวังให้ตัวเลขขาดทุนถูกทำให้สูญสลายไป แต่อย่าลืมว่าขาดทุนก็คือขาดทุน ไม่ว่าจะเล่นกลทางบัญชีอย่างไร ขาดทุนก็คือขาดทุนวันยังค่ำ
ปัญหาที่หลายคนตั้งคำถามตรงกันก็คือ ทำไมการบินไทยขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่ดูเสมือนว่าผู้ที่เข้าไปเป็น DD ของการบินไทยเป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารธุรกิจ (ยกเว้นบางคนที่ไม่มีความสามารถในการบริหารเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะจบการศึกษาที่ดูสูงส่ง แต่ก็ยังอุตส่าห์เข้าไปเพื่อให้ตัวเองถูกประจาน)
ปัญหาการขาดทุนของการบินไทยคือปัญหาเน่าเฟะที่ถูกหมักหมมมายาวนาน ซึ่งปัญหานี้เป็นความจริงที่สาธารณชนรับทราบ แต่น่าประหลาดใจที่ผู้บริหารการบินไทยกลับไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วกลับดูเสมือนว่าปัญหาสำคัญนี้ถูกซุกซ่อนไว้ใต้พรม
เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้ไปสนทนากับคุณสุเมธที่การบินไทยซึ่งได้พูดคุยกันนานมาก (หลายชั่วโมง) ทำให้ผู้เขียนทราบถึงความอึดอัดใจของคุณสุเมธที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเข้ามารับหน้าที่หัวเรือใหญ่ของการบินไทย ความอึดอัดใจประการหนึ่งคือเรื่องเกี่ยวกับกรรมการของบริษัทการบินไทย หรือที่เรียกกันว่า บอร์ด (แต่คนจำนวนไม่น้อยในการบินไทย และคนภายนอกการบินไทยเรียกว่า “บอด”)
อุปสรรคและปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่คุณสุเมธเล่าให้ผู้เขียนฟังก็คือการไม่ได้รับแรงสนับสนุนการทำงานให้ก้าวหน้าไปได้ก็เพราะบอร์ด (บางคน) ซึ่งผมก็ถามว่าแล้วทำไมคุณสุเมธไม่แจ้งกับบอร์ดไปว่า หากไม่สนับสนุนผม ผมก็บริหารงานไม่ได้ การบินไทยก็จะไม่เจริญ คุณสุเมธบอกว่าก็พยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ และคุณสุเมธได้บอกเล่าถึงความพยายามหลายอย่างที่จะทำให้การบินไทยก้าวเดินต่อไป ซึ่งบางเรื่องที่คุยกัน คุณสุเมธก็ขอร้องผู้เขียนว่าอย่าเพิ่งนำเสนอเป็นข่าว แต่ทั้งหลายทั้งปวงผู้เขียนก็สามารถมองเห็นว่าคุณสุเมธอยากให้การบินไทยมีกำไร และต้องการแก้ปัญหาต่างๆ นานาในการบินไทย แม้สิ่งที่คุณสุเมธบอกจะเป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่ค่อยจะคล้อยตามมากนัก แต่ก็เห็นได้ว่า DD คนปัจจุบันต้องการเห็นการบินไทยหลุดพ้นจากวังวนของปัญหา แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันฟังคือ คุณสุเมธบอกว่า “หรือผมตัดสินใจผิดที่ไม่ยอมลาออกเมื่อ 3 เดือนก่อน” อันที่จริงประเด็นนี้สำคัญมากในการสนทนาระหว่างผู้เขียนกับคุณสุเมธ แต่เนื่องจากได้รับปากกับคุณสุเมธไว้ว่าจะไม่นำเสนอข่าวในเรื่องที่ได้พูดคุยกัน เพราะการพูดคุยในวันนั้นเป็นเหมือนการเล่าสู่กันฟัง ในฐานะที่ผู้เขียนๆ ถึงการบินไทยในแง่มุมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้เขียนของสารภาพว่าเหตุที่ต้องนำเนื้อหาของการสนทนาบางประเด็นในวันนั้นมาเล่าตรงนี้ก็เพราะผู้เขียนได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณสุเมธในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ผมคือไพ่ใบสุดท้าย และบอกด้วยว่าผู้มีอำนาจกำกับดูแลการบินไทยต้องคิดให้ดีว่าจะให้คุณสุเมธบริหารต่อไป หรือจะปลดคุณสุเมธออก
เมื่อคุณสุเมธพูดกับไทยรัฐเช่นนี้ ผู้เขียนก็นึกได้ทันทีในวันที่มีโอกาสสนทนากับคุณสุเมธถึงประเด็นของบอร์ดการบินไทย คุณสุเมธบอกว่าการทำงานต่างๆ นานาของการบินไทยติดขัดที่บอร์ด อย่างเช่นเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนถามก็คือ ทำไมนโยบายการรับลูกเรือ (พนักงานบริการบนเครื่องบิน) ของการบินไทยจึงชักเข้าชักออก รู้หรือไม่ว่าคนทั่วไปเขาวิจารณ์กันยกใหญ่ แล้วทำไมการบินไทยจึงปล่อยให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด เกิดขึ้นมาได้ ทำไมไม่คุยกันให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะประกาศ เพราะการประกาศรับสมัครลูกเรือไปแล้ว ก็กลับมายกเลิกในภายหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ทำให้ภาพลักษณ์ของการบินไทยไม่น่าเชื่อถือ คุณสุเมธตอบว่าบอร์ดไม่เห็นด้วยกับการรับลูกเรือ ผู้เขียนจึงถามต่อไปว่า แล้วคุณสุเมธไม่สามารถโน้นน้าวด้วยข้อเท็จจริงได้หรือว่าจำเป็นต้องรับลูกเรือหากไม่รับจะเกิดผลกระทบต่อการทำงานของบริษัท คุณสุเมธตอบว่าบอกแล้ว แต่บอร์ดไม่ฟัง
เมื่อนำคำพูดของคุณสุเมธที่คุยกับผู้เขียนมาเทียบเคียงกับคำพูดคุณสุเมธให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐ ในประเด็นที่ว่า “คุณไม่มีไพ่ใบอื่นในมือแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าผมบอกคุณไปทางขวา คุณก็ต้องไปถ้าผมบอกไปทางซ้าย คุณก็ต้องสนับสนุนผม ต้องยอมรับว่าคุณไม่มีคนอื่นแล้ว”
เมื่อพูดถึงบอร์ดการบินไทยแล้ว ผู้เขียนก็ต้องขอบอกตรงๆ ว่าเท่าที่ติดตามดูผลงานของบอร์ดการบินไทยหลายคนในชุดปัจจุบันแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะตรงกับสิ่งที่คุณสุเมธกล่าวไว้ว่า ที่ผ่านมาบอร์ดการบินไทยหลายคน ทั้งสั่งการและต่อว่าต่อขานอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนกระทั่งคุณสุเมธรู้สึกว่า นอกจากบอร์ดบางคนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ยังไม่ทำการบ้านมาอีก บอร์ดบางคนตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ปรับลดรายจ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายของการทำงานล่วงเวลา หรือทำไมไม่ปรับลดจำนวนพนักงาน บอร์ดบางคนบอกให้ยุบฝ่ายช่าง เพราะฝ่ายช่างทำให้เกิดปัญหารายจ่ายสูงมาก
ผู้เขียนขอกล่าวถึงบอร์ดบางรายของการบินไทยตามตรงว่าเท่าที่ผู้เขียนเคยติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของบอร์ดการบินไทยกลุ่มหนึ่งแล้วขอพูดแบบไม่ไว้หน้าว่า เป็นบอร์ดต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ บอร์ดบางรายดีแต่เสนอ project ต่างๆ นานา ครั้นเมื่อสืบสาวลึกลงไปก็จะพบว่า project ที่บอร์ดรายนั้นเสนอเป็นเรื่องที่เข้าข่าย conflict of interest เนื่องจากบอร์ดรายดังกล่าวมีบริษัทที่เข้าไปรับงานตามproject ที่ตนเองนำเสนอ
บอร์ดบางรายนั้นทำตัวน่าสงสัยมาก เพราะวิ่งเข้าวิ่งออกในบริษัทการบินไทยบ่อยจนดูราวกับว่าเป็นพนักงานประจำ มีข้อเท็จจริงที่คนการบินไทยยืนยันตรงกันว่าภายในหนึ่งสัปดาห์มีบอร์ดบางรายเข้า-ออกการบินไทยมากกว่า 2-3 ครั้ง โดยเข้าไปคุยกับฝ่ายปฏิบัติการโดยตรง
คำถามคือบอร์ดมีหน้าที่อะไร บอร์ดมีหน้าที่วิ่งเข้าวิ่งออกเพื่อหางานให้กับบริษัทของตนเอง โดยเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ภายในการบินไทย กระนั้นหรือ หรือว่าบอร์ดรายนั้นที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่ตนเองมีบริษัทต้องการจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นพนักงานประจำของการบินไทย จึงวิ่งเข้าวิ่งออกการบินไทยมากมายเสียจนราวกับว่าตนเองคือพนักงานประจำของการบินไทย
บอร์ดรายที่ว่านี้เสนอให้การบินไทยต้องทำในเรื่องที่เมื่อสืบลงไปแล้วพบว่าสามารถทำให้บริษัทของบอร์ดรายนั้นเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับการบินไทย หรือพูดง่ายๆ ตามคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในการบินไทยคือเข้าไปหาผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าการเข้าไปทำงานเพื่อผลประโยชน์ของการบินไทย
บอร์ดคนที่ผู้เขียนกล่าวถึงนี้มีหน้าตา ตัวตน และการแต่งกายอย่างไร คนการบินไทยที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดต่างรู้ดี และเข้าใจว่าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของการบินไทยก็ย่อมรู้ดี
ส่วนบอร์ดบางรายก็ถูกวิพากษ์โดยคนการบินไทยว่ามีหน้าที่เสมือนกับว่าเป็นเจ้ามือที่คอยเลี้ยงดูสื่อมวลชนบางกลุ่มบางพวกซึ่งก็เป็นสื่อมวลชนหน้าเดิมๆ แก๊งเดิมๆ คือทั้งพาไปเที่ยวต่างประเทศ และพาไปกินไปดื่มในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในย่านราชประสงค์ คนการบินไทยเขาถามว่าการที่บอร์ดรายดังกล่าวพานักข่าวอาวุโสกลุ่มหนึ่งซึ่งหน้าซ้ำๆ ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ เพราะมีวัตถุประสงค์อันใดระหว่างสร้างภาพให้เห็นว่าตนเองมีอำนาจพานักข่าวใหญ่ไปเที่ยวแล้วไปเลี้ยงดู หรือทำไปเพราะต้องการให้นักข่าวใหญ่เขียนเชียร์การบินไทย
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ถามว่าพฤติกรรมเช่นนี้คนในการบินไทยยังรับรู้รับทราบ แล้ว DD ก็ยอมรับรู้รับทราบด้วยอย่างแน่นอน แต่คำถามคือ DD เคยตั้งคำถามในเรื่องเหล่านี้ต่อบอร์ดบางรายที่มีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ หรือรู้แต่ไม่พูด เมื่อไม่พูดแล้วเหตุใด DD จึงมาพูดถึงเรื่องความไม่รู้เรื่องรู้ราวของบอร์ดในระยะหลังนั่นเป็นเพราะว่าเกิดรอยร้าวลึกจนยากจะประสานระหว่าง DD กับบอร์ดใช่หรือไม่
มีคำถามมากมายจากสาธารณชนว่า เมื่อประธานบอร์ดการบินไทยคนล่าสุด (คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ) ลาออกไปเมื่อไม่นานมานี้แล้วเหตุใดบอร์ดการบินไทยที่เหลืออยู่จึงไม่ลาออกตามประธานบอร์ดมีคำถามว่าไม่รู้จักมารยาทของการเป็นบอร์ดบ้างเลยหรือ หรือจะบอกว่าหากไม่มีบอร์ดแล้ว การบินไทยจะล่มสลาย ส่วนประเด็นที่คุณสุเมธบอกว่าตนเองคือไพ่ใบสุดท้ายนั้น มีผู้ตั้งคำถามเช่นกันว่า แน่ใจหรือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายของการบินไทยอย่างแท้จริง เพราะการบินไทยน่าจะยังมีไพ่ให้เล่นอีกหลายใบ ตราบเท่าที่การบินไทยยังมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญ มีคำถามด้วยว่าคุณสุเมธประเมินค่าตัวเองมากเกินจริงหรือเปล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี