หัวข้อนี้ก็เป็นคำขู่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่หลังลงนามในสัตยาบัน กับแกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นายธนาธร โจมตีรัฐบาลจนหนำใจแล้ว ก็สรุปว่า
“ทางรอด ที่เหลืออยู่ในสังคมไทยสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียง 2 ทางคือแก้ด้วยเลือด หรือ แก้ด้วยการยินยอมพร้อมใจกันของทุกฝ่าย”
จากนั้นก็ไปประชุมกัน ที่บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน
ครับก็พอจะเข้าใจกันได้สำหรับการเคลื่อนไหวของนักการเมือง ฝ่ายค้านและกองเชียร์
ผมไปค้นหาเรื่องราวเก่าๆ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผมเขียนไว้ และมีบันทึกไว้ใน https://www.parliament.go.th ข่าวสารบ้านเมืองของรัฐสภา โดยอ้างอิงไว้ ถึงคำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน 2560 บางช่วงบางตอน ซึ่งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเขียนว่า “...แต่การปกครองก็มิได้มี เสถียรภาพหรือราบรื่นเรียบร้อย เพราะยังคงประสบปัญหาและ ข้อขัดแย้งต่างๆ บางครั้งเป็นวิกฤติทางรัฐธรรมนูญที่หาทางออกไม่ได้ เหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีผู้ไม่นำพาหรือไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชนจนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล”
คำปรารภนี้ เป็นการอธิบาย สภาพทางการเมืองก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้ามายึดอำนาจแล้วสร้างกติกาใหม่ บริหารประเทศชาติไปตามปกติ ไม่มีอะไรยุ่งยาก
และน่าสนใจในประเด็นของ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)ที่พูดถึงรัฐธรรมนูญไว้ว่า รัฐธรรมนูญเปรียบเหมือนซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์ ที่มีกลไกกลางรวมทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ปัจจุบันคิดว่าซอฟต์แวร์ (รัฐธรรมนูญ 2560) สามารถไปได้ เพียงแต่ว่าขอให้เคารพรัฐธรรมนูญ ส่วนการแก้ไขเป็นเรื่องของบริบท อีก 10 ถึง 50 ปี โลกอาจจะเปลี่ยนไป แต่ในปัจจุบันซอฟต์แวร์ตัวนี้ถือว่าดีมาก ส่วนจะเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องแก้ไขหรือไม่นั้น บริบทจะเป็นตัวบ่งชี้ ว่าต้องทำอะไร จุดไหนที่ควรทำ
ครับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่ได้มีปัญหาหรืออุปสรรคในการบริหารประเทศ เหมือนรัฐธรรมนูญ
ปี 2550 มาตรา 190 เกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐที่จะไปลงนามกับต่างประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ เกี่ยวกับความมั่นคงชาติ หรือด้านเศรษฐกิจด้านสังคม ความร่วมมือระหว่างประเทศ ต้องให้รัฐสภาเห็นชอบ เพราะในส่วนนี้ผู้ปฏิบัติแยกไม่ออกว่า MOU-agreementเรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ นัยสำคัญมีขอบเขตมากน้อยแค่ไหน เพียงใด ใครเป็นผู้ชี้ขาด ???
จึงมีการแก้ไขมาตรา 190 เพื่อผ่อนคลายให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงาน ในรัฐบาล อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เอาเถอะ เมื่อฝ่ายค้านจะแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ก็ควรบอกให้ชัดจะแก้มาตราไหนแก้อย่างไร ใครได้ ใครเสีย ประชาชนได้อะไรบ้าง จะเพิ่มเติมการนิรโทษสุดซอยหรือเปล่า??? ไม่ใช่ด่าแต่ว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย!!!
ถ้ามีเหตุผลเหมือนการแก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ในมาตรา 190 ผมก็พร้อมสนับสนุน
แต่ถ้ายังเหวี่ยงแห คลุมเครือ ข่มขู่จะแก้รัฐธรรมนูญด้วยเลือด ผมคิดว่าคงจบไม่สวยเหมือนที่หลายท่านคาดการณ์ไว้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี