เดินสายลงพื้นที่ในหลายจังหวัดเพื่อ ขับเคลื่อนนโยบายพลังงานเพื่อทุกคน หรือ Energyfor All ของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ให้บรรดารถยนต์ เติมน้ำมันไบโอดีเซล B10 ให้มากกว่าเดิม ผลการรณรงค์ดังกล่าวได้ดีดราคาผลปาล์มน้ำมันไปแตะที่ 5 บาทต่อกิโลกรัม ทริปนี้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินประกันรายได้ให้ชาวสวนปาล์ม เพราะราคาปาล์มปรับขึ้นโดยอัตโนมัติตามฝีมือของ รมว.พลังงาน
น้ำมันไบโอดีเซล B10 คือ น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ทุกลิตร
ถ้าเราๆ ท่านๆ เติมน้ำมันดีเซล เติมกันเยอะๆ และต่อเนื่องตามนโยบาย คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก็จะช่วยทั้งรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของประเทศ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงช่วยลดมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วย
เรื่องนี้ถือเป็นกลไกลด้านพลังงานที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และถือเป็นมิติใหม่ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเกษตรกรทั่วทุกชุมชน
ไม่ต้องเอาผลปาล์มไปเททิ้งที่หน้าอำเภอหรือหน้าศาลากลางจังหวัดเพราะลานเทปาล์ม (จุดรับซื้อปาล์ม) จะรีบซื้อทุกทะลาย ทุกเม็ดยิ่งเป็นผลปาล์มร่วงก็จะได้ราคาดีกว่าเดิม
จากข้อมูลพบว่า มีส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล B10ต่ำกว่า B7 ที่ 2 บาท/ลิตร และลดส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมัน B20 ให้ต่ำกว่าน้ำมัน B7 ที่ 3 บาท/ลิตรซึ่งได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทาง รมว.พลังงาน ยังเปิดเผยว่าในวันที่ 1 มกราคม 2563 จะมีการบังคับให้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดพื้นฐาน และมี B20 ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดน้ำมันปาล์มมีความสมดุลมากขึ้น สร้างเสถียรภาพราคาไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนราคาในตลาดโลกได้
ปัจจุบันมีจำนวนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ที่ค่ายรถยนต์รับรองว่าใช้ B10 ได้ประมาณ 5.2 ล้านคัน หรือครึ่งหนึ่งของรถดีเซลทั้งหมด โดยทางผู้ผลิตรถยนต์ได้ออกมาสนับสนุนและการันตีรถยนต์รุ่นต่างๆ สามารถเติมน้ำมันดีเซล B10 ได้
นับว่าเป็นอานิสงส์ของชาวสวนปาล์มโดยแท้
ขณะเดียวกันการให้บริการปั๊มน้ำมันก็ต้องครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อเป็นการจูงใจใช้บริการ โดยได้ตั้งเป้าหมายให้สถานีบริการน้ำมัน B10จำหน่ายกระจายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปจากปัจจุบันมีสถานีบริการ B10 ทั่วประเทศแล้ว 120 สถานี
ในปี 2563 จะมีการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพในกลุ่มน้ำมันเบนซินต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเกรดหลักในกลุ่มเบนซิน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาราคาพืชเกษตรประเภทอื่นๆ เช่น อ้อย และมันสำปะหลัง โดยเฉพาะอ้อยตอนนี้กำลังประสบปัญหาราคาในตลาดโลกตกต่ำมาก โดยจะนำเอทานอลที่ผลิตได้จากอ้อยและมันสำปะหลังไปผสมเป็นแก๊สโซฮอล์ E20
“ประเทศไทยมีการผลิตมันสำปะหลังน้อยกว่าปริมาณการใช้แต่แปลกที่ราคายังตกต่ำ เพราะมีการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะเหมือนกับสินค้าเกษตรทั้งหมดมาตายตรงพ่อค้าคนกลางทั้งสิ้น แต่เมื่อไหร่มีการบริหารจัดการตรงคนกลางได้ดี เมื่อนั้นพี่น้องเกษตรกรจะได้สินค้าราคาที่ดีขึ้น ซึ่งต่อไปผมจะนำนโยบายการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน มาใช้กลไกเดียวกันนี้จัดการกับเอทานอล” รมว.พลังงาน ระบุ
ครับ ก็ต้องจับตากันต่อไปว่าภารกิจท้าทายดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาอ้อย และมันสำปะหลัง จะพุ่งขึ้นเหมือนปาล์มน้ำมันหรือไม่!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี