ในช่วงชีวิตของผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้ง
-รวดเร็ว
-ความไม่แน่นอน และ
-สิ่งที่คาดไม่ถึง
แต่ที่มาถึงแน่ๆ คือมีบริษัทใหญ่ 5 บริษัทที่เกิดขึ้นในอเมริกาไม่ถึง 30 ปี คือ
- Apple
- Microsoft
- Amazon
เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ที่สื่อมวลชนหลายแห่งในยุโรปเรียกตัวย่อว่า AGFMA ปัจจุบันมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เก็บจากผู้ใช้บริการมาเป็นเวลานาน ข้อมูลเหล่านี้บางประเทศก็มีกฎระเบียบ ห้ามนำไปใช้เพื่อทำกำไร เช่น โฆษณา หรือใช้ด้านการเมือง กฎหมายเหล่านี้ช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัว(Privacy Law) แต่ไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด บางประเทศเช่นในสหรัฐ หรือแม้กระทั่งเมืองไทยก็ยังไม่มีกฎหมายเหล่านี้ ทำให้นำเอาข้อมูลเหล่านี้มาหากำไรได้อย่างง่ายๆโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่รู้เรื่อง
ข้อมูลเหล่านี้มีอะไรบ้าง จากการค้นหาใน Google จะมี
1. ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ อายุ เพศ วันเกิด กลุ่ม LGBT จะติดต่ออย่างไร การใช้โซเชียลมีเดีย ทุกๆ วันยิ่งจะทำให้มีข้อมูลเหล่านี้มากขึ้น
2. สถานที่อยู่อาศัย ยุคดิจิทัลจะสามารถรู้ได้หมดว่า เราอยู่ที่ไหน และติดต่อได้อย่างไร
3. สถานภาพว่าโสดหรือแต่งงาน ม่ายหรือหย่าร้าง มีลูกติดหรือไม่
4. ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีคุณค่าต่อการทำการโฆษณาขายสินค้า หรือบริการผ่านทางโฆษณา เพราะบริษัทฐานข้อมูลสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
5. ระดับการศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญเพราะการศึกษาจะทำให้มีข้อมูลที่เห็นในพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่า การเมือง หรือการตลาด
6. นับถือศาสนาอะไร เชื้อชาติอะไร
7. ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า
8. พฤติกรรมการเงิน และการใช้บริการธนาคาร
9. IP Address เข้าสู่อินเตอร์เนต จะมีวิธีที่ที่ติดต่ออย่างไร
10. ข้อมูลจาก online ถ้าใช้ระบบสื่อสารปัจจุบัน บริษัทจะมีข้อมูลครบเก็บไว้ พร้อมจะนำมาใช้เพื่อกำไร เอาเปรียบลูกค้าอย่างมาก
11. ปฏิทินจากข้อมูลว่าในปีหนึ่งมีเหตุการณ์อะไรบ้าง เป็นข้อมูลที่สำคัญ
12. ประวัติการค้นหาข้อมูล (Search) ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น คือบุคคลเหล่านี้สนใจเรื่องอะไร นำมาใช้ในการโฆษณาหรือการเมืองได้
13. การบริโภคสินค้า Online เช่น การใช้ Youtube, Apple, Facebook, Amazon จะบอกได้อย่างมากว่าผู้บริโภคมีคุณลักษณะและพฤติกรรมอย่างไร
14. พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างไรจากการดูข้อมูลจาก Web ทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ชัดขึ้นว่าเป็นผู้บริโภคแบบไหน
15. พฤติกรรมของการใช้โซเชียลมีเดีย ของแต่ละคนเป็นอย่างไร
16. ประวัติการซื้อของหรือการใช้จ่ายซึ่งมีคุณค่ามากต่อการตลาดหรือการโฆษณา
17. เรื่องการออกกำลังกาย และสุขภาพ
18. พฤติกรรมข้อมูลของผู้บริโภค เข้าไปในโฆษณาของบริษัทซึ่งธุรกิจที่โฆษณาจะได้ศึกษาไว้ว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร
19. ใน Facebook จะมีข้อมูลที่คุณโพสต์ว่าชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร ซึ่งมีประโยชน์มาก ทางด้านการโฆษณา และด้านการเมือง
20. ข้อมูลว่าลูกค้ามีวิธีการใช้หรือเข้าหา Internet อย่างไร ถ้ารู้วิธีการก็จะทำให้การส่งข้อมูลสะดวก ทำให้การโฆษณา หรือการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ง่ายขึ้น
โดยสรุป ข้อมูลเหล่านี้ในยุโรปจะมีกฎหมายควบคุมบริษัททำผิดกฎหมาย ถูกปรับมากมายแต่ในสหรัฐฯ ก็ยังตามไม่ทันและในประเทศไทยก็เช่นกัน ยังไม่มีกฎหมายที่ควบคุม ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบบริษัทใหญ่ๆ ทั้ง 5 บริษัท แต่มีข้อมูลของเรา อันตรายคือทั้ง 5 บริษัทที่ได้กล่าวมาก็ยังเป็นบริษัทที่มีการผูกขาดข้อมูล นำมาขายข้อมูลเพื่อการโฆษณาหรือใช้ทางการเมือง 2016 ในสหรัฐTrump ใช้ในการหาเสียงจนมีผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จนชนะในที่สุด
แต่อีกด้านหนึ่ง ข้อมูลของ 5 บริษัทนี้มีคุณค่าต่อสังคม ปัจจุบันที่เห็นชัดๆ คือ การช่วยเรื่องการรักษาพยาบาล ทำให้การรักษาพยาบาลมีข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเก็บข้อมูลจากระบบ Tele medicine ข้อมูลเหล่านี้มีคุณค่ามาก ทำให้หมอและพยาบาลมีการรักษาที่รวดเร็วและประหยัด โดยไม่ต้องแออัดที่โรงพยาบาล
10 ปีกว่ามาแล้ว ผมพบคนอินเดียแนะนำว่า อสม.ของไทยกว่าล้านคนต้องใช้ระบบ IT ช่วยการทำงานแทนคุณหมอได้ในบางเรื่อง ช่วงนั้นก็ยังไม่มีคนเข้าใจ แต่วันนี้เห็นแล้วมีคุณค่ามหาศาล อสม.ไทยเริ่มใช้ระบบออนไลน์มากขึ้นและมีข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์ได้
ยังมีเรื่องอื่นๆ มีมากมาย เช่น
1. เรื่องคุณภาพการศึกษา
2. เรื่องคุณธรรมจริยธรรม /ศีลธรรม
3. เรื่องภาวะโลกร้อน
4. เรื่องความเหลื่อมล้ำ
5. เรื่องการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ
ปัญหาคือ ระหว่างการทำกำไรให้ร่ำรวย การได้ประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งคงจะทำต่อไปถ้าไม่มีกฎหมายคุ้มครอง เช่น พรรคอนาคตใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วใช้ระบบนี้ เพราะเจ้าของร่ำรวยจะมีคนเก่งๆ แต่การเมืองต้องทำโดยมีความสมดุล มีคุณธรรม รักษาความเป็นไทย ไม่ใช่ได้คะแนนจากวัยรุ่น โดยการโฆษณาชวนเชื่อ และโจมตีสถาบันหลักของชาติ
ข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง รัฐบาลไทยต้องเผยแพร่ให้คนไทยเข้าใจ และต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น ไม่เช่นนั้นจุดอ่อนของข้อมูลส่วนบุคคล จะมีมากกว่าจุดแข็ง ทำให้บริษัทมีเงิน และมีอำนาจเพิ่มขึ้น ควรมีกฎหมายการปิดบังข้อมูลส่วนตัว
แต่ปัญหาสังคม ปัญหาของมนุษยชาติ (Humanity)ไม่ดีขึ้น ไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าทางเทคโนโลยี ทางด้านข้อมูลส่วนบุคคลไปเพื่ออะไร และมนุษยชาติจะได้ประโยชน์อย่างไร ? ถ้าเราไม่ปรับให้ข้อมูลส่วนตัวมีคุณค่าต่อสังคมมากขึ้น เมื่อนั้นทั้ง 5 บริษัทก็รวยเอารวยเอา
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี