“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ฉบับนี้ต้อนรับเทศกาลลาทีปีเก่าต้อนรับปีใหม่ “แมวไม่อยู่ ...หนูระเริง” “ไม้หน้าสาม” ห่วงใยอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ยังเป็นเรื่องเฝ้าระวังหามาตรการมาสกัดกั้นเยียวยาให้ลดลง สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะนั้นต้องมีสติ ไม่ประมาท ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด “มีวินัยการขับขี่และเคารพกฎจราจร”อย่างเคร่งครัด...
nn “7 วันอันตราย” คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา อาทิ “ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เกิดโศกนาฏกรรมรถตู้สายกรุงเทพฯ-จันทบุรี เสียหลักข้ามเกาะกลางถนนมาชนประสานงากับรถปิกอัพจนไฟลุกท่วม ส่งผลให้ผู้โดยสารถูกไฟคลอกตายรวม 25 ศพ”!!!...
nn “มาตรการวัวหายล้อมคอก” ก็บังเกิดขึ้น “รัฐบาล คสช.”ผลักดันมาตรการป้องกันอุบัติภัยทางถนนมากมาย ซึ่งได้ผลดีแม้จะไม่สัมฤทธิผลสูงสุด แต่ในปีถัดมาอุบัติเหตุลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากนั้นตัวเลขหายนะ “ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนยังแตะอยู่ที่เพดาน 2-3 หมื่นศพ/ปี”“ราชอาณาจักรไทย”ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในภูมิภาคอาเซียน และลำดับหนึ่งและสองของโลกของการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ผลพวงจากอุบัติเหตุ 25 ศพ ที่ “ไม้หน้าสาม”ยกมากล่าวถึงข้างต้น นำมาซึ่งการทบทวน “ปลดระวางรถตู้โดยสารอายุใช้งานไม่เกิน 10 ปี และนำรถไมโครบัสใช้มาบริการแทน” อย่างที่เห็นในปัจจุบัน รวมถึง “การจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ, ควบคุมเวลาคนขับ, คุมสารเสพติด, ติดระบบ GPS เพื่อควบคุมความเร็ว การคาดเข็มขัดนิรภัยในรถตู้ทำได้แค่ 4-6 เดือนแรก สุดท้ายก็ปล่อยกลับสู่สภาพเดิม รถดัดแปลงสภาพ เบาะเสริมวิ่งเกลื่อนถนนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รถตู้ข้ามจังหวัดติด GPS แล้วสามารถดำเนินการให้อยู่ในกฎกติกา ระเบียบข้อบังคับกรมการขนส่งทางบกได้หรือไม่ เพราะเมื่อสัญญาณเตือนร้องดังสนั่นหวั่นไหว แต่คนขับไม่เบาคันเร่งไม่ลดความเร็ว ไร้ศูนย์ควบคุมจำกัดความเร็วที่มีเอกภาพ ติดตั้ง GPS ไปก็ไร้ประโยชน์...
nn “ไม้หน้าสาม” ตั้งข้อสังเกตกับนโยบาย “เสนาบดีโอ๋ แซ่รื้อ -ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม” ปรากฏว่าเดินหน้าสวนทางข้อมูลงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า ความเร็วในการขับขี่คือปัจจัยอันดับต้นของอุบัติเหตุ ทว่า “ท่านรัฐมนตรีโอ๋ แซ่รื้อ” ขีดเส้นตาย1 เดือน ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มการจำกัดความเร็วบนท้องถนนหลวงเป็น120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกเอาปัญหาโลกแตกมาเป็นเหตุ เพื่อต้องการแก้ปัญหาจราจรติดขัด ทำให้เกิดคำถามว่าการเพิ่มความเร็วจะเป็นการเพิ่มความตายทางถนนหลวงอีกหรือไม่???...
nn “ไม้หน้าสาม” ไม่เข้าใจว่าเหตุใด “ศักดิ์สยาม” เอาอวัยวะส่วนไหนในร่างกายคิดเรื่องเยี่ยงนี้ถึงแสดงท่าทีโอนอ่อนตามข้อเสนอของผู้ประกอบการรถตู้โดยสารที่เรียกร้องให้ยืดอายุการใช้งานรถตู้โดยสารสาธารณะจาก 10 ปี เป็น 12 ปี ทั้งที่ก็รู้ว่ารถตู้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนส่งคน ข้อมูลทางวิชาการชี้ว่า รถตู้โดยสารที่มีอายุใหม่ หากเกิดอุบัติเหตุจะสามารถลดความสูญเสียได้มากถึงร้อยละ 71 เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 3-4 ปีขึ้นไปกรณีนี้ “ไม้หน้าสาม” ไม่ได้จะกล่าวหาใส่ร้าย “ศักดิ์สยาม”เพ่งเล็งแต่ผลประโยชน์ของผู้ประกอบการเกรงว่าจะต้องแบกรับต้นทุนจากรถไมโคบัสที่มีราคาสูงคันละ 2.5-2.8 ล้านบาท จนลืมคำนึงถึงชีวิตประชาชนที่เสี่ยงภัยโดยสารรถตู้ ไม่มีค่าราคาหรืออย่างไรกันโบราณมีคำพังเพยไว้ว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้”หมายถึง “ผลย่อมเกิดมาจากเหตุ” ครับท่านโอ๋ แซ่รื้อ...
nn “ไม้หน้าสาม” มีโหงพรายกระซิบว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของดีลต่ออายุรถตู้ 12 ปีนี้ เกิดจากกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นมือเป็นไม้เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ บางคิวก็มีนักการเมืองเป็นเจ้าของกิจการ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการ “เอื้อผลประโยชน์ บนความเป็นความตายของประชาชนหรือไม่?” ประเทศไทยถูกเวทีโลกจับตามองว่าจะลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้อย่างไร 2 หมื่นศพต่อปี คือความท้าทายขีดความสามารถของรัฐบาลมาหลายยุคสมัย หากพิจารณาถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจแต่ละปี ย่อมเป็นตัวเลขมหาศาล โดยเฉพาะภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของประเทศที่ไม่สามารถใช้เงินทองซื้อหาได้ “7 วันอันตราย” ประเพณีตลกร้าย เปิดศูนย์คอยนับศพแล้วศพเล่า เมื่อไหร่จะผลักดันให้มีมาตรการหรือหน่วยงานเฝ้าระวังเรื่องอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ยังคงเป็นยานพาหนะเกิดความสูญเสียมาเป็นอันดับ “รัฐบาลรัฐเชียงกง” ลงทุนแจกเงินดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ แต่พ่อแม่จับลูกมานั่งรถมอเตอร์ไซค์ไม่สวมใสหมวกกันน็อก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในต่างจังหวัดวิถีชีวิตต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปโรงเรียน...
nn “ไม้หน้าสาม” จำได้ว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ที่มี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นผู้นำรัฐบาล “ใช้เงินภาษีประชาชนมาเป็นงบประมาณล้างผลาญ” ซื้อแท็ปเลตแจกเด็กอ้างนโยบายการศึกษา “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็แค่ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ...
nn หาก “รัฐบาลลุงตู่” ประสงค์ให้เยาวชนไทยเติบใหญ่เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพการแจกหมวกกันน็อกให้เด็กนักเรียนเสริมการกระตุ้นจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัยใส่หมวกกันน็อกน่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลสามารถกระทำได้โดยง่ายเพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของเรือแป๊ะลำนี้ หากเราสามารถรักษาชีวิตเด็กๆ เหล่านั้นให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุทางถนน...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี