l 1.เรื่องของชีวิตส่วนตน
ครอบครัว จากไปแล้ว ๖ คน : พี่สาว ๒ น้องสาว ๑ จากไปตั้งแต่เล็กๆ ด้วยโรคภัยระบาดในยุคนั้นเรายังเด็กมาก จึงไม่รู้สึกเศร้า มารู้เรื่องราว เมื่อมีอายุมากขึ้น เวลาผ่านไปแล้ว
ก๋ง จากไป เมื่อโตขึ้น ในช่วงเรียนอยู่ลำปาง และ ยาย ตามก๋งไป เมื่อเรามาเรียนเตรียมอุดมกรุงเทพฯ ญาติพี่น้อง เรียงแถวกันบ้าง ลัดคิวกันบ้าง, มีโอกาสก็ไปร่วมงาน
ปี ๒๕๓๓ ป๋า จากไป, ทราบข่าว ที่ แฟลตดินแดงจากน้องชาย ที่โทร.มาบอก “ข่าวร้ายที่เป็นจริง” น้ำตาไหลร้องไห้ออกมา จนลูกชาย ๒ คน ที่ยังเล็ก ถามว่า“พ่อเป็นอะไรไป” เพราะพ่อเป็นคนแกร่งฯ
ปี ๒๕๓๗ คุณแม่เสีย ในอ้อมอก ได้พาแม่ไปส่งโรงพยาบาล ตามเข้าดูในห้องหมอฯ ที่พยายามจะช่วยชีวิต
ปี ๒๕๖๐ พี่สาวคนโต อุบัติเหตุ : น้ำตาซึม เพราะรักผูกพันกันมายาวนาน ลำปาง กรุงเทพฯ นครปฐม
l แต่ชีวิตใหม่ ก่อเกิดขึ้นมากมาย จากลูก > หลาน ที่เกิดตามมา
ความทุกข์ ความเศร้า จากการพลัดพลากจากสิ่งที่รักมาสู่ความสุข จากการประจบกับสิ่งที่รัก อันเป็นชีวิตใหม่ มาแทนที่ได้เห็นกระบวนการก่อเกิดเต็มขั้น เต็มขบวนแถวของชีวิต ตั้งครรภ์ ก่อเกิดชีวิต เติบโตในช่วงของการมีประสบการณ์ ผ่านชีวิตมามาก และการหมั่นสรุปประจำ ครั้งแล้วครั้งเล่า > การมองเข้าไปในตัวเอง : ใจ กาย จิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่า มองภายนอกที่ยังมีหลายปัจจัยที่อยู่นอกเหนือ และต้องอาศัยผู้อื่น สรรพสิ่งแต่การมองเข้าไปภายใน พยายามแล้ว พยายามอีกโดยส่วนที่ง่ายกว่า คือ เป็นตัวของเราเองผ่านมาจนเกษียณ จนเข้าย่างวัย ๗๐ > ๗๑ จึงเข้าใจ “ความจริงของชีวิต” (มากขึ้น) > ไม่หมด
สิ่งที่ดี สิ่งไม่ดี ถูกใจ ขัดใจ ข้องใจ สมหวัง ผิดหวังทยอยกันมา พานพบ รับได้เพราะ “เราเข้าใจมัน”มิใช่ “ทำใจ” ได้ “เข้าใจ” : เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย ที่เป็นจริง ที่ผ่านการใช้ “ความรู้ สติปัญญา ความจริง”“ทำใจ” : เป็นเรื่องของการข่มใจ ไม่ให้ “ความเศร้าเสียใจ” ทะลุออกมา “ทำใจ” : จึงเป็นเรื่องชั่วคราว อยู่ไม่นาน แล้วมันก็กลับมาหาเราอีก เมื่อเข้าสู่ภาวะที่เป็นจริง “เข้าใจ” : ปลอดจากทุกข์ เศร้า สู่สุข ความเป็นปกติของชีวิตที่มันเป็นไปเช่นนี้ แล > ตถตา
l ตถตา (tathatā) หมายถึง ความเป็นอย่างนั้น ความเป็นเช่นนั้น เป็นอีกชื่อหนึ่งของปฏิจจสมุปบาทซึ่งมีความหมายว่า เป็นไปตามปัจจัย กล่าวคือ สรรพสิ่งในโลกนี้ตกอยู่ลักษณะที่เป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา ตามปัจจัย
ตถตา เป็นที่นิยมนำไปใช้มากในพระพุทธศาสนามหายาน และมีการอธิบายว่า หมายถึง สุญญตาแปลว่า ความว่าง หมายถึง ความไม่มีอะไรปรุงแต่งแต่เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้นำคำว่า ตถตา มาอธิบายตีความให้เป็นที่เข้าใจง่าย โดยเน้นให้เห็นว่า สรรพสิ่งในโลก ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ต่างเป็นเช่นนั้นเอง คือ เกิดจากเหตุปัจจัย ฉะนั้น จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะทำให้เกิดทุกข์
l 2. เรื่องของผู้อื่น ที่มิใช่ตนเอง
ใกล้ที่สุด คือ ครอบครัว ภรรยา สามี ลูก
เข้าใจมากที่สุด ก็ไม่ครบหมด ไม่เต็มร้อย แต่การเข้าใจกันไว้วางใจ เชื่อใจกัน (Respect) เกิดจาก “การศึกษาเรียนรู้กัน ดัดแปลงให้เข้ากันฯ” และพัฒนาตนเองไปตลอด เสริมข้อดี ปรับแก้ข้ออ่อน อยู่ตลอดเวลา ในทั้งสองฝ่าย
ความรัก : มิใช่ รักอมตะ รักแรกพบ แล้วจะอยู่คงยืนยาว ถาวร, ไม่มีจริง : ต้องสร้างขึ้น
ความรักระหว่างกัน ทั้งคนต่อคน คนต่อวัตถุ สรรพสิ่ง ต้องพัฒนาไป เพราะสรรพสิ่ง ความคิด ชีวิต ความรู้สึก ไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงไปตลอด ตามกาลเวลา ตามเหตุ ปัจจัย สภาพสังคม โดยเฉพาะในช่วงของการแปรปรวน ขัดแย้ง ทางความคิด วัตถุฯ
l แล้วสิ่งที่ไกลออกไป เพื่อนมิตร คนรู้จักคนไม่รู้จัก คนที่มีบทบาทต่อบ้านเมือง คนทำร้ายชาติ
คนยิ่งห่างยิ่งไกลออกไป หากเป็นผู้ที่มีบทบาท กำหนดเกี่ยวข้องกับชีวิตเรา ชีวิตบ้านเมืองเรายิ่งจะต้องสนใจ ใส่ใจ ศึกษาเรียนรู้ ให้มากที่สุด เท่าที่ทำได้ และหากเราต้องการ สังคมที่ดีงาม มีสุข เสมอภาคมีสิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
นอกจาก ทำด้วยตนเองแล้ว ยังไม่พอ ต้องรวมกลุ่มผู้ที่มีความคิดเหมือนกัน เพื่อทำงานร่วมกันเพราะ การเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ต้องรวมพลังใหญ่มากพอเพราะมีฝ่ายต่อต้านที่มีอำนาจมากกว่า
หัวใจที่สำคัญ คือ เราต้องศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ถึงการเปลี่ยนแปลง
แนวทางการเปลี่ยนแปลง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน โดยเริ่มต้นจากสภาพที่เป็นจริง
สภาพสังคมการเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มีเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงไหม หรือ เป็นสาเหตุของปัญหาแล้ว ฉะนั้น เราจะใช้แนวทางใหม่ อย่างไร เริ่มต้นที่ไหน ทำอะไร What is to be done
ปัจจัย เงื่อนไข ที่จะต้องเสริมมาเพิ่มเติม หรือการรอ ปัจจัย เงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลง ที่จะมาถึง
l ที่น่าแปลก และน่าเศร้า สำหรับ ผู้นำนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ ภาคประชาชน
คือ ยังคงใช้ “แนวทางเก่า ความคิดเก่าฯ ที่เป็นต้นตอของปัญหา วิกฤติ ในปัจจุบัน”
นี่คือ > ประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งยากมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้ หากเรายังคอย หรือหวังจาก“แนวทางเก่า ผู้นำเก่า ฯลฯ เหตุเพราะขาด นักทฤษฎีที่รู้จริง จักนำเสนอแนวทางใหม่ที่เป็นไปได้ ในสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย
เราขาด รัฐบุรุษ ผู้นำ การเปลี่ยนแปลง ที่กล้าเสียสละเอาจริง คิดถึงอนาคต
l ฉะนั้น ในสภาพเช่นนี้ ที่น่าเศร้า : เราจะเริ่มทำอะไรดี What is to be done ?
คือ เริ่มต้นจากความเป็นจริงที่เป็นไปได้ก่อน
คือ เริ่มที่ตัวเอง และต่อไปยังคนใกล้ชิด คนในครอบครัว เพื่อนมิตร คนที่เข้าใจกันรวมพลัง ความคิด แรง กายใจ ทุนฯ สร้างกลุ่ม องค์กรของเราขึ้น
ทั้งการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยสองมือของเรา และการสนับสนุน ผู้นำที่ใช่ พรรคการเมือง หรือ กลุ่มองค์กร ที่มีแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี