“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ยึดมั่นจรรยาบรรณ ยืนหยัดอุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรบัณฑิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2535 มาเป็นข้อคิดเตือนสตินักการเมืองให้มีความจริงใจกับประชาชนและประเทศชาติ ความว่า “ความจริงใจต่อผู้อื่นเป็นคุณธรรมสำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จและความเจริญ”... ที่ผ่านมา “ไม้หน้าสาม” ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “ภูมิปัญญาไทยในการรักษาอาการป่วยโดยใช้สมุนไพรไทย” ไม่ใช่เรื่องอุปโลกน์อุปาทานเพราะเคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ในสภาชุดก่อนมาแล้ว...
nn ส่วนกรณีนโยบาย “น้ำมันกัญชา-กัญชาเสรี” กัญชากู้ชาติสร้างรายได้ให้แต่ละครัวเรือนปลูกได้ 6 ต้นฟันกำไรต่อครัวเรือนปีละ 4 แสนกว่าบาทนั้น ไม่แน่ใจว่าหลังจากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้รับคำชื่นชมจากการสำรวจความเห็นจนออกอาการผยอง ยโสลืมข้อความที่เคยสัญญาประชาคมกับประชาชนในช่วงหาเสียงให้เลือกพรรคภูมิใจไทยจนสามารถเข้ามาได้เป็นพรรคการเมืองที่มีที่นั่ง สส. ลำดับ 5 แต่หลังการเลือกตั้งจนจะก้าวสู่ปีใหม่หนูระเริง ”นโยบายกัญชาเสรี” กลับไปไม่ถึงไหน...
nn ว่ากันว่าเหตุที่ “นโยบายกัญชาเสรี” ล่าช้าเพราะ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข” ใช้เวลาไปกับการทำให้บรรดากลุ่มทุนการเมืองตั้งบริษัทนำเข้าสารเคมีแทน 3 สารเคมีเป็น “แม่สายบัว” รอเก้อ เพราะไม่สามารถกำจัด 3 สารได้อย่างใจปรารถนา...
nn “ไม้หน้าสาม” อยากให้ “หมอหนู-อนุทิน” น้อมนำพระบรมราโชวาทเรื่อง “ความจริงใจ” ใส่เกล้าฯไปพิจารณาดำเนินการส่งเสริมนโยบายที่ยังประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ผลักดันมรดกทางวัฒนธรรมสมบัติเลอค่าของชาติโดยให้ “แพทย์แผนไทยเป็นแพทย์ทางเลือก” อย่างมีศักดิ์ศรี...
nn ความจริงข้อหนึ่งที่ชี้วัดความรู้สึกประชาชนคือผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนล่าสุดของ “สถาบันนิด้า” ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบอยากให้การสนับสนุน 5 อันดับแรกไม่มีชื่อของ “พรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน” งานนี้ “เสี่ยหนู” แม่ทัพใหญ่ภูมิใจไทยต้องตระหนักให้ถ่องแท้ว่าเหตุใดกระแสนิยมพรรคถึงถดถอยตามเศรษฐกิจประเทศเยี่ยงนี้...ฤๅ...ประชาชนจักเห็น “จิตใต้สำนึกของนักการเมืองค่ายนี้” มากขึ้น...
nn ที่ผ่านมาคือความสามารถ “สำรอกขายฝัน” เพื่อความสำเร็จส่วนตนมากกว่าความจริงใจยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้ภูมิปัญญาและสมุนไพรไทยผลิดอกออกผลกอบกู้เศรษฐกิจของชาติ...
nn รู้กันดีวันนี้เศรษฐกิจโลกแปรปรวนตกต่ำจนเราไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกพืชผลทางการเกษตรได้อย่างในอดีต รัฐบาลจึงสมควรต้องเร่งศึกษาวิจัยภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทยที่เป็นมรดกล้ำค่ามาแต่โบราณให้เป็นวาระ “วาระสมุนไพรกู้ชาติ” แก้ไขกฎหมายบ่อนทำลายภูมิปัญญาไทยทำลายขวัญกำลังใจหมอพื้นบ้านโดยเร็ว อาทิ ใบรับรองผู้ประกอบโรคศิลปะ รับรองการจดทะเบียนตำรับยาสมุนไพรไทย เลิกปิดกั้นภูมิปัญญาไทย ปลดแอกหมอพื้นบ้านออกจาก “กรงขังและโซ่ตรวน” ให้หมอพื้นบ้านสามารถรักษาคนไข้ข้ามถิ่นได้ และ/หรือเรียกรับผลประโยชน์ “ค่ารักษา-ค่ายาสมุนไพร” จากผู้ป่วย น้อมนำศาสตร์พระราชา “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาปฏิบัติอย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ใช่เป็นยุทธศาสตร์ในการตั้งงบประมาณรายจ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นที่ผ่านมา...
nn “ไม้หน้าสาม” ขอยกกรณี “ชัยรัตน์ นนทชัย” หรือ “หมอเณร” เป็นกรณีศึกษา เพราะถือเป็นผู้ที่อุทิศตนทำงานเพื่อรักษาผู้ป่วยที่ยากไร้มานานกว่า 30 ปี แต่ไม่ได้รับการส่งเสริมหรือสนับสนุนจากหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยที่พยายามปิดกั้นกีดกัน...
nn “ตำรับยาสมุนไพรหมอเณร”ได้รับการยอมรับ อย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนไทยที่เข้าไปรับการรักษาอาการป่วย ทว่าชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมารับการรักษาและรับยาสมุนไพรจากหมอเณร อย่างเมื่อครั้งที่“โรคเอดส์”โรคร้ายแพร่ระบาดกระจายไปทั่วโลก นักวิชาการจากแอฟริกาก็เดินทางมารับยาสมุนไพรไปบำบัดผู้ติดเชื้อ และยอมรับว่าได้ผล แต่การลงนามซื้อสมุนไพรหมอเณรไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจาก “หมอเณร” ไม่มีใบรับรองผู้ประกอบโรคศิลปะยาสมุนไพรล้ำค่าจึงกลายเป็นแค่ “สิ่งปฏิกูล” ในแวดวงสาธารณสุขจวบจนทุกวันนี้“ไม้หน้าสาม” ได้รับข้อมูลจากผู้เจ็บป่วยที่หมดหนทางจากการบำบัดรักษาด้วยแพทย์วิทยาการล้ำสมัย และได้ตัดสินใจเข้ารับการรักษาจากหมอเณร อาทิ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคเบาหวานที่เชื้อลุกลามเข้ากระดูกต้องตัดขาตัดอวัยวะส่วนต่างๆ แต่เมื่อมารักษากับหมอเณรกินยาสมุนไพร 1-3 เดือน อาการเจ็บป่วยหายไป เมื่อกลับไปตรวจที่โรงพยาบาลที่เคยรักษาอยู่ แพทย์ก็หาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมคนไข้เหล่านี้ถึงมีอาการดีขึ้นละไม่จำเป็นต้องตัดอวัยวะขนขาที่เชื้อเบาหวานลุกลามเข้ากระดูก”...
nn “ไม้หน้าสาม”เอาข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ระบุว่า ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมาทั่วโลกมีผู้ป่วยเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง4 เท่าจาก 108 ล้านคน ในปี 2523 เป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 และกำลังเป็นปัญหาในประเทศกำลังพัฒนาผลการศึกษาที่เผยแพร่ในนิตยสารแลนเซ็ต ระบุว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใหญ่ 4.4 ล้านคน ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อประเมินจำนวนผู้ป่วยเบาหวานใน 200 ประเทศ พบว่า ระหว่างปี 2523 ถึงปี 2557 ประเทศรายได้ต่ำและปานกลางมีผู้ป่วยเบาหวานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดผลการศึกษาขององค์การอนามัยโลก ยังระบุไว้ว่า ผู้ชายเป็นเบาหวานมากกว่าผู้หญิง ผู้ชายในจีนและอินเดียเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า และครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเบาหวานเมื่อปี 2557 อยู่ในจีน อินเดีย สหรัฐ และบราซิล ถ้าใช้ข้อมูลนี้เป็นสมมุติฐานในการดำเนิน “นโยบายสมุนไพรกู้ชาติ” โดย “องค์การเภสัชกรรม - กระทรวงสาธารณสุข” นำสมุนไพรมาผสมตามตำรับยาแผนไทยและผลิตโดยบรรจุเป็นแคปซูลส่งออกไปจำหน่ายเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยทั่วโลกที่มีอัตราผู้ป่วยสูงมากขึ้นทุกปีทั้ง “โรคเบาหวานและลดไขมันในเส้นเลือด” จักสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนได้มากขนาดไหน เป็นเรื่องที่ “รัฐบาลและเสนาบดีเจ้ากระทรวงสาธารณสุข” จำเป็นต้องคิดและจริงใจกับนโยบายที่หาเสียงไว้ แม้ “ชัยรัตน์ นนทชัย” หรือหมอเณร จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ แต่ด้วยความเป็นหมอพื้นบ้านก็ยังคงกัดฟันดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรักษาผู้เจ็บป่วย โดยนำทรัพย์สินส่วนตัวทุ่มเทไปกับการรักษาผู้คนมากมาย จนสวนสมุนไพร ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ของหมอเณรกำลังจะถูกนายทุนเงินกู้ยึดเปลี่ยนมือไปแล้ว หมอเณรบอกกับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่มาทำการรักษาว่า ไม่สามารถแบกรับภาระดูแลผู้ป่วยได้ต่อไป และอาจจะต้องปิดสวนสมุนไพรหมอเณรราวต้นปี 2563 หากผู้ป่วยรายใดประสงค์ที่จะมารับยาสมุนไพรให้รีบเดินทางมารับยาโดยเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเดินทางมารับยา และแห่แหนมาให้กำลังใจหมอเณรไม่ขาดสาย ซึ่งผู้ป่วยหลายคนอยากวิงวอนขอให้นายกฯ“ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยสนับสนุนหมอเณรให้ เป็นที่พึ่งที่หวังของคนยากจนต่อไป “ไม้หน้าสาม”เคยรับการรักษาจากปริมาณไขมันในเส้นเลือดสูงทำให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองตีบตันและกินยาสมุนไพรหมอเณรได้ผลปริมาณไขมันในเส้นเลือดมีระดับลดลงหลังจากทานยาสมุนไพรไปราว1 เดือนเศษ...
nn แต่แปลกใจตรง เมื่อผลการรักษาด้วยสมุนไพรหมอเณรเป็นที่ยอมรับ และมีผลการรักษาที่เป็นรูปธรรมในหลายโรคเช่นนี้ เหตุใดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สนับสนุนไม่ส่งเสริม...
nn ผิดกับกรณี “หมอเทวดาหรือหมอแสง” อวดอ้างรักษาโรคมะเร็งร้าย ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติหมอพื้นบ้านแถมญาติผู้ป่วยยังต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจก่อนว่าจะไม่ดำเนินคดีหากผู้ป่วยเป็นอะไรไปในระหว่างทำการรักษา ทว่ากรมแพทย์แผนไทยกลับออกใบรับรองผู้ประกอบโรคศิลปะ พึงให้เกิดข้อสงสัยว่า “มีวาระซ่อนเร้น” ใดลึกลับซับซ้อนหรือไม่...
nn สุดท้ายยาวิเศษที่อวดอ้างรักษามะเร็งหายก็ไม่จริงเหมือนกระแสข่าวที่กรมแพทย์แผนไทยไปจัดแถลงข่าวใหญ่โต เมื่อเหตุเดินมาถึงปลายทาง “หมอแสง” ก็กลับลำไปทำธุรกิจเสริมอาหารจากผลิตภัณฑ์ข้าวทดแทนด้วยสนนราคาชุดละ 2,999 บาท ยุทธการสร้างกู๊ดวิวใครได้...ใครเสีย สังคมอยากรู้ “เสี่ยสารหนู-อนุทิน”เจ้ากระทรวงล่ะไม่อยากรู้กับเขาบ้างรึ???
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี