สถานการณ์ในตะวันออกกลางคุกรุ่นต่อเนื่องมายาวนานแล้วความพยายามในการจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิสในพื้นที่บางส่วนของอิรักและซีเรียล้มเหลวลง โดยน้ำมือของพันธมิตรรัสเซีย จีน อิหร่าน อิรัก ซีเรีย ทำให้สถานการณ์สู่ขั้นใหม่
การไล่ปราบปรามและขับไล่กองกำลังขบวนการก่อการร้ายไอซิสได้ขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง จนแทบหมดสิ้นไปจากซีเรียแล้ว และต้องมีการเคลื่อนย้ายขบวนการก่อการร้ายเหล่านั้นไปยังอิรัก
เพราะอิรักนั้นมีความอ่อนแอในทุกด้านยิ่งกว่าซีเรีย ซึ่งล่าสุดก็มีความเข้มแข็งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ในขณะที่อิรักถูกยึดครองและมีความอ่อนแออย่างทั่วด้านดังนั้นจึงเกิดสภาพการณ์ช่วงชิงเพื่อให้อิรักปลอดจากกองกำลังของต่างชาติทุกประเภท ทำให้อิรักต้องเชิญให้อิหร่าน รัสเซีย และจีน เข้ามาให้ความช่วยเหลือทางการทหาร
สำหรับในพื้นที่ตะวันออกกลางนั้นต้องถือว่าอิหร่านเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดของกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ไม่แตกต่างกับในเอเชียตะวันออกที่ต้องถือว่าเกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดของกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
บทบาทและความสำคัญของอิหร่านในการกำจัดกวาดล้างและขับไล่กองกำลังต่างชาติและขบวนการก่อการร้ายออกจากอิรักเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของกองทัพกุดส์แห่งกองทัพปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งมีแม่ทัพคนสำคัญคือ นายพลกาเซ็ม โซไลมานี
นายพลกาเซ็ม โซไลมานีี มีบทบาทต่อกองทัพอิหร่านมาช้านานแล้ว ตั้งแต่ยุคสงครามแปดปีที่สหรัฐและอังกฤษสนับสนุนให้อิรักทำสงครามกับอิหร่านในยุคสมัยของท่านอิหม่ามโคไมนี แต่ในที่สุดอิรักก็ต้องปราชัย ซึ่งในขณะนั้นต้องถือว่าอิหร่านยังอ่อนแอมาก เพราะสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเพิ่งก่อตั้งขึ้น แม้ปานนั้นกองทัพอิรักที่เข้มแข็งเกรียงไกรและยังมีสหรัฐและอังกฤษสนับสนุนอย่างแข็งขันก็ยังต้องปราชัย
หลังจากสงครามแปดปีดังกล่าวแล้ว พื้นที่สงครามในตะวันออกกลางก็ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง และเนื่องจากอิหร่านมีพันธะผูกพันทางจิตวิญญาณจากคำวินิจฉัยของท่านอิหม่ามอาลี อิหม่ามองค์แรกของนิกายชีอะห์ ห้ามมิให้อิหร่านส่งกองทหารออกไปรบต่างประเทศ เว้นแต่จะถูกโจมตีก่อน ดังนั้นอิหร่านจึงได้แต่สนับสนุนกองกำลังอาสาสมัครต่างๆในหลายพื้นที่ในตะวันออกกลาง ซึ่งมีกองกำลังอาสาสมัครของแต่ละประเทศที่มีอุดมการณ์พิทักษ์ดินแดนแห่งอิสลาม และต่อต้านรัฐบาลที่ขายชาติ รวมทั้งต่อต้านกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายึดครองดินแดนอิสลามเหล่านั้น
การให้การสนับสนุนดังกล่าวจึงเป็นภารกิจของกองทัพกุดส์ซึ่งมีนายพลกาเซ็ม โซไลมานี เป็นผู้บัญชาการ และประสบความสำเร็จในสงครามอันยาวนานมาตั้งแต่ท่านอิหม่ามโคไมนียังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะต่อสถานการณ์ในอิรัก
เมื่อมีการเคลื่อนย้ายขบวนการก่อการร้ายจากสารพัดทิศ โดยเฉพาะจากซีเรียเข้ามาอิรักและสหรัฐก็ได้เพิ่มกองกำลังทหาร
เข้ามาในอิรักด้วย โดยมิได้รับคำเชื้อเชิญใดๆ จากรัฐบาลอิรัก ดังนั้นความขัดแย้งในอิรักจึงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะชาวอิรักได้เคลื่อนไหวต่อต้านกองกำลังต่างชาติทุกชนิด และในที่สุดการเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็ถูกทำร้ายและถูกสังหารจำนวนมาก
ก่อให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังกับชาวอิรัก ในที่สุดชาวอิรักก็ได้ประท้วงและเผาหน้าสถานทูตสหรัฐในอิรัก เป็นเหตุให้สหรัฐกล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง และประกาศว่าอิหร่านจะต้องรับผิดชอบอย่างสาสม
ในขณะที่ความขัดแย้งกำลังยกระดับรุนแรงขึ้น ก็มีเหตุการณ์ลอบสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพกุดส์ ในขณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานสากลของอิรักเพื่อพบปะหารือกับรัฐบาลของอิรัก
นายกรัฐมนตรีของอิรักได้กล่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อรัฐสภาอิรักว่า กรณีเกิดขึ้นเนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้แจ้งมายังนายกรัฐมนตรีอิรักว่าต้องการที่จะให้มีการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีซาอุดีอาระเบียเกี่ยวข้องในการหารือด้วย ขอให้เชิญผู้บัญชาการกองทัพกุซมาเจรจาหารือกันที่อิรัก
นายกรัฐมนตรีอิรักจึงได้เชิญผู้บัญชาการกองทัพกุดส์ให้เดินทางมาเข้าร่วมประชุม โดยมีกำหนดการชัดเจนเปิดเผยและแน่นอนว่ากำหนดการเหล่านี้ย่อมทราบแก่ทั้งสหรัฐและซาอุดีอาระเบียด้วย ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าย่อมทราบถึงอิสราเอลด้วยเช่นเดียวกัน
นายพลกาเซ็ม โซไลมานีี ได้เดินทางมาเพื่อการประชุมเจรจาลดความตึงเครียดตามคำเชิญ โดยมีผู้บัญชาการทหารของอิรักไปให้การต้อนรับที่ท่าอากาศยานสากลกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าสำหรับแขกผู้มาเยือนนั้นย่อมคิดและเข้าใจได้ว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยและเป็นไปตามหลักการสากลที่จะไม่มีการโจมตีแขกต่างประเทศที่มาเจรจาความเมืองกันโดยทางราชการ
แต่ปรากฏว่าเมื่อขบวนของเจ้าภาพและแขกที่เดินทางมาเพื่อการเจรจาดังกล่าวออกจากสนามบินนานาชาติของอิรักก็ถูกลอบโจมตีโดยกองกำลังทางอากาศของสหรัฐ ซึ่งได้ใช้โดรนพิฆาตในการลอบโจมตีนั้น ทำให้ผู้บัญชาการกองทัพกุดส์และผู้บัญชาการทหารของอิรักและคณะผู้ติดตามเสียชีวิตพร้อมกัน
ดังนั้นกรณีดังกล่าวจึงถูกเรียกว่าเป็นการลอบสังหาร มิได้อาศัยข่าวกรองที่ลึกลับพิสดารอะไรเลย ไม่ได้อาศัยกลยุทธ์ทางการทหารที่วิเศษวิโสอะไรเลย แต่เป็นเพียงการลอบทำร้ายในขณะที่เจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือนมิได้ระวังตัวเพราะถือเป็นการต้อนรับแขกผู้มาเยือนตามปกติในทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะคือตามความประสงค์ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการเจรจาลดความตึงเครียด
การลอบสังหารครั้งนี้จะทำให้ความปลอดภัยของผู้นำประเทศต่างๆ ที่เดินทางไปประชุมหรือเดินทางไปเยือนต่างประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ เพราะจะอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกลอบสังหารแบบเดียวกันนี้ด้วยทั้งสิ้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นการทำลายระบบทางการทูต การเมืองระหว่างประเทศ และความเป็นสุภาพบุรุษตลอดจนกติกาสากลอย่างสิ้นเชิง ไม่แตกต่างกับการฆ่าแพทย์หรือพยาบาลที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสนามรบ นี่คือมหันตภัยใหญ่ที่เกิดขึ้น
ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงสร้างความเคียดแค้นอย่างใหญ่หลวงให้กับอิรัก อิหร่าน และประชาชาติมุสลิมทั้งหลาย
รัฐสภาอิรักได้เปิดประชุมฉุกเฉินและตรากฎหมายขับไล่ทหารสหรัฐออกจากดินแดนของอิรักด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่าจะไม่ยอมถอนทหารออกจากดินแดนของอิรักจนกว่าอิรักจะจ่ายค่าก่อสร้างฐานทัพสหรัฐในอิรักให้แก่สหรัฐก่อน
ด้วยเหตุผลเช่นนี้ย่อมกระทบกระเทือนต่อบรรดาประเทศทั้งหลายทั่วโลกที่สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพว่าสหรัฐจะไม่มีทางถอนทหารออกไป อย่างน้อยก็จนกว่าจะจ่ายค่าก่อสร้างฐานทัพและค่าใช้จ่ายของฐานทัพนั้นให้แก่สหรัฐก่อน
กองทหารของอิรักได้ประกาศให้มีผู้ลงชื่อทำสงครามศาสนาและพลีชีพในการทำสงครามศาสนากับสหรัฐและมีผู้สมัครเพื่อไปถึงอุดมการณ์นี้อย่างล้นหลามหลายหมื่นคน
ในขณะเดียวกัน ผู้นำสูงสุดของอิหร่านก็ได้ให้การวินิจฉัยทางศาสนาว่าการเสียชีวิตของนายพลกาเซ็ม โซไลมานีเป็นการพลีชีพ (ชาฮีด) ในสงครามศาสนา (จีฮัด) อย่างสมบูรณ์แล้ว และประกาศที่จะล้างแค้นหนี้เลือดรายนี้อย่างสาสม นั่นคือการประกาศสงครามศาสนากับสหรัฐโดยตรง จึงเป็นที่แน่นอนว่ามุสลิมนิกายชีอะห์นับล้านคนย่อมยินดีไปสู่อุดมการณ์ของตนคือการพลีชีพในการทำสงครามศาสนา
หลังจากนั้นสภาความมั่นคงสูงสุดของอิหร่านก็ได้ประชุมอนุมัติแผนการตอบโต้สหรัฐโดยมิได้เปิดเผยว่าจะตอบโต้ประการใด หลังจากนั้นก็ได้มีการชักธงสีเลือดขึ้นเหนือสุเหร่าสำคัญ ซึ่งเป็นการประกาศว่าตราบใดที่การล้างแค้นสหรัฐยังไม่เสร็จสิ้น ตราบนั้นจะไม่มีการลดธงสีเลือดนี้โดยเด็ดขาด
ในระหว่างนั้นก็เกิดเหตุการณ์โจมตีฐานทัพสหรัฐทั้งในอิรักและทวีปแอฟริกาอย่างประปราย และขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ก็ประกาศที่จะถล่มอิหร่านให้ราบเป็นหน้ากลองโดยกำหนดเป้าหมายการโจมตีถึง 52 จุด และถูกสวนกลับจากผู้บังคับบัญชาทหารของอิหร่านว่า อิหร่านก็พร้อมจะถล่มสหรัฐโดยมีเป้าหมายถึง 300 จุด
นั่นคือสถานการณ์ล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี