วันที่ 21 ม.ค.ที่จะถึง ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย
คดีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1-4 ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
1. แน่นอนว่า คำตัดสินที่ออกมา ไม่ว่าจะยุบหรือไม่ยุบ ย่อมจะมีทั้งคนที่พอใจ และไม่พอใจ
ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญก็พิจารณาคดีที่เกี่ยวกับนักการเมือง พรรคการเมืองมาแล้วมากมาย มีทั้งเป็นคุณและเป็นโทษ แก่พรรคการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็มีทั้งคนชัง-ชอบ เป็นเรื่องปกติ
คดีนี้ ก็เช่นเดียวกัน
2. คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร
ไม่สมควรที่ใคร โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสีย จะออกมาชี้ชัดไปทางหนึ่งทางใดแล้วปักธงตราหน้าศาลรัฐธรรมนูญไว้ล่วงหน้าว่า จะต้องตัดสินไปตามแนวทางความต้องการของตนเองเท่านั้น จึงจะถือว่ามีความยุติธรรม
ปรากฏว่า กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ และโฆษกพรรค นางสาวพรรณิการ์วานิช ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า “..พรรคอนาคตใหม่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของพรรคในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่พรรคการเมืองซึ่งตั้งขึ้นมาโดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้อนุญาต ผ่านการเลือกตั้ง และมี สส. เข้ามาทำงานในสภาจนได้รับการชื่นชมจำนวนมาก จะกลายเป็นคนล้มล้างการปกครองได้อย่างไร มองไม่เห็นทาง ส่วนตัวเชื่อว่าหากศาลสถิตยุติธรรม พรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูกยุบ”
พฤติกรรมเช่นนี้ มิใช่การแสดงความเห็นทางวิชาการ หรือวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปแน่นอน เพราะกระทำการ “กล่าวหา” และ “ปรักปรำ” ไว้ล่วงหน้า โดยที่ตนเองมีส่วนได้เสียโดยตรง เจตนาสื่อทำนองว่าศาลจะต้องตัดสินในทางที่เป็นคุณแก่ตนเองเท่านั้นจึงจะถือว่ายุติธรรม
การกระทำเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุด สมควรจะถูกประณาม
คนที่เป็นถึง สส. ไม่ใช่เด็กอมมือ ไม่ควรจะแสดงออกถึงความไร้วุฒิภาวะ ทำตัวใหญ่กว่าองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
ยิ่งกว่านั้น ควรดำเนินการสอบสวนว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล หรือไม่? เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ยังไม่นับว่าพรรคอนาคตใหม่ ได้นำเสนอข้อมูลกล่าวหา โจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรในสื่อออนไลน์ของทางพรรค ทั้งๆ ที่ ตนเองเป็นผู้ถูกร้องที่มีส่วนได้เสียโดยตรง
หลายคน ที่มีความเห็นส่วนตัวว่าสมควรจะวินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรคก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีใครบังอาจตราหน้าศาลรัฐธรรมนูญถึงขนาดว่าจะต้องตัดสินไปในทางที่ตนต้องการจึงถือว่าสถิตยุติธรรม
3. หากพิจารณาตามข้อมูลที่ปรากฏสู่สาธารณะแล้ว เห็นว่า คดีนี้ มีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะต้องพิจารณา
ไม่ใช่เรื่องที่มีผลสำเร็จชัดแจ้ง เหมือนกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือแม้แต่เรื่องยุบพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยประเด็นที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เช่น จำนวนสมาชิกไม่ครบ จำนวนสาขาพรรคไม่ครบตามกฎหมาย ฯลฯ
คดีนี้ ผู้ร้องยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2562
ศาลรัฐธรรมนูญได้รับพิจารณาคำร้องเมื่อ 19 ก.ค.2562 ตามคำร้องแนบในมาตรา 49 ที่ระบุว่า
“บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทําตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทําดังกล่าวได้”
คำร้อง มีหลายประเด็น ไล่ตั้งแต่ข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ“ผู้ถูกร้องที่ 1” จากการตั้งพรรคเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2561 ข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ใช้คำว่า “หลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ” ซึ่งไม่มีคำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ขัดกับมาตรา 14 และมาตรา 15 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งบัญญัติถึงข้อบังคับของพรรคการเมืองต้องมีลักษณะอย่างไร อาทิ มาตรา 14(1)ข้อบังคับพรรคต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ
เรื่องข้อบังคับ อาจเป็นเพียง “อาการ” ที่แสดงออก
แต่เจตนาที่แท้จริง อยู่ในคำพูด การกระทำของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ที่ผู้ร้องได้รวบรวมนำเสนอว่ามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และชี้เจตนาว่าตั้งพรรคการเมืองโดยไม่สุจริตตามรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อจะล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างไร
4. ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักเรียนทุน จบปริญญาเอก วิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมการบินและอวกาศ Nanyang Technological University (NTU) ประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันทำงานเป็นนักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University ofArkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุดได้โพสต์ความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ค Suphanat Aphinyan
ระบุว่า #ทำไมจะยุบไม่ได้
“ไม่ใช่แค่ในบ้านเราหรอกครับที่มีพรรคการเมืองซ้ายจัดดัดจริตที่เป็นปัญหา อยู่ในฐานะที่เป็นภัยต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย กระทำการอันเป็นการล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และถูกตัดสินยุบพรรคไปในที่สุด
ปี 2014 ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ได้สั่งยุบพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายพรรคหนึ่งชื่อ Unified Progressive Party ในกรณีที่มีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ กระทำการอันเป็นการล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และมีแนวคิดแอบแฝงในการสนับสนุนสังคมนิยมของเกาหลีเหนือ
ดังนั้น เพื่อยุติอันตรายต่อความมั่นคงของชาติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และอาจส่งผลกระทบอันร้ายแรงต่อประเทศชาติและสังคมส่วนรวม ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้จึงได้สั่งยุบพรรคดังกล่าวที่ได้ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานความเป็นประชาธิปไตย และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยมติเสียงส่วนใหญ่ 8:1
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยผู้ที่เห็นต่างหรือแม้แต่จากองค์กรสิทธิมนุษยชนแอมเนสตี้จอมป่วน แต่เมื่อพิจารณาจากดัชนีประชาธิปไตย หรือ Democracy Index พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดัชนีประชาธิปไตยของประเทศเกาหลีใต้อย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด ประเทศเกาหลีใต้ก็ยังอยู่ในความปกติสุข และเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในอันดับแรกๆของภูมิภาคเอเชียตราบจนถึงปัจจุบัน
กฎหมายคือกฎหมาย และไม่ว่าประเทศไหนในโลกนี้ก็ตาม บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองมิได้
นิติสงคราม(Lawfare) จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของฝ่ายที่สูญเสียประโยชน์ที่จะกล่าวอ้างว่าฝ่ายตนนั้นถูกกลั่นแกล้ง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนิติสงครามที่สิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก และมักจะเป็นการกล่าวอ้างลอยๆอย่างมักง่ายเพื่อสร้างความชอบธรรมอยู่เสมอ
แต่ประเทศไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก เพราะปัจจุบันนี้เรามีนิติเส็งเคร็ง(Liefare)ที่ชอบโกหก ชอบแถ และบิดเบือนกฎหมายเข้าข้างตัวเองอย่างไร้ยางอายอยู่ตลอดเวลา แถมไม่มีความสามารถในการแก้ต่างข้อกล่าวหาด้วยสติปัญญาโดยอาศัยหลักฐานภายใต้กระบวนการของกฎหมายได้เลย แล้วก็จะร้องแรกแหกกระเชอว่าถูกกลั่นแกล้ง...นิติสงครามๆ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว... นิติสงคราม ฤาจะสู้นิติเส็งเคร็ง “แกยังไม่ได้ปฏิญาณ” (คำพูดของเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ อ้างว่านายธนาธรยังไม่ได้กล่าวปฏิญาณตน) เพราะมันพิสูจน์ได้ง่ายกว่ากันเยอะว่าประเทศไทยมีนิติเส็งเคร็งจริงๆ ที่ขนาด “แกยังไม่ได้ปฏิญาณ” ก็ยังโกหกประชาชนออกทีวี.อย่างหน้าตาเฉยแบบไม่มีความละอายใดๆ - ดร.ศุภณัฐ”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี