คดีทักษิณซุกหุ้น มีคำวินิจฉัยส่วนตนของประธานศาลรัฐธรรมนูญ “ประเสริฐ นาสกุล” เคยชำแหละพฤติกรรมและวิธีคิดของทักษิณอย่างถึงแก่นไว้อย่างไร
คดีธนาธรถือครองหุ้นวี-ลัค มีเดียฯ ก็มีคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “จรัญ ภักดีธนากุล” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชันสูตรและลอกคราบเล่ห์เหลี่ยมของ “ธนาธร” ไว้อย่างชัดแจ้งเช่นกัน
ประเด็นสำคัญ ในคำวินิจฉัยส่วนตนของอาจารย์จรัญ บางส่วนบางประเด็น มีดังต่อไปนี้
1. บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน หรือไม่
“...ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์ และประกอบกิจการโฆษณาด้วยสื่อโฆษณาทุกอย่าง โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานการพิมพ์ ตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 โดยผู้ถูกร้องยอมรับว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัดได้ประกอบกิจการออกนิตยสารมาก่อนซึ่งสอดคล้องกับแบบนําส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช. 3) ที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในรอบปี 2559 ถึง 2561 ที่แจ้งว่ามีรายได้จากการให้บริการโฆษณา ตามเอกสารหมาย ศ 4/1 ศ 5/1 และ 6/1 และอ้างว่าได้หยุดกิจการโดยยุติการผลิตนิตยสารและเลิกจ้างพนักงานเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 แล้ว แต่ไม่ได้มีการจดแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ ภายใน 30 วัน ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 และไม่ได้จดทะเบียนเลิกบริษัท จึงไม่มีผลเป็นการยกเลิกการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์แม้ผู้ถูกร้องจะยืนยันว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ได้ยุติการพิมพ์ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด เท่านั้น ซึ่งบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด จะกลับมาประกอบกิจการผลิตหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารอีกเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตกับหน่วยงานใด อีกทั้งยังปรากฏหลักฐานการนําส่งสําเนาบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) ของบริษัทต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทว่า มีการโอนหุ้นของบริษัทให้แก่ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 หลังจากวันที่ผู้ถูกร้องสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อนานถึง 47 วัน ดังนั้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด จึงยังคงเป็นผู้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) อยู่ในวันที่ ผู้ถูกร้องสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ...”
2. ผู้ถูกร้องยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 หรือไม่?
2.1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสาม บัญญัติให้การโอนหุ้นตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ใช้ยันกับบริษัทหรือบุคคลภายนอกได้เมื่อได้มีการจดแจ้งการโอนในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้ว ประกอบกับมาตรา 1141 บัญญัติให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องในข้อกระทงความบรรดาที่กฎหมายบังคับ หรือให้อํานาจให้เอาลงในทะเบียนนั้น ผู้ถูกร้องจึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสาม และมาตรา 1141
“...ข้อสันนิษฐานดังกล่าว เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น มิได้เป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด อันเนื่องมาจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นเอกสารภายในของบริษัท มิได้นําไปจดแจ้งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และมิได้แสดงต่อสาธารณะโดยเปิดเผย อันจะทําให้เป็นพยานหลักฐานที่หนักแน่นมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ การพิจารณาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น จึงจําเป็นต้องกระทําด้วยความระมัดระวัง เพราะข้อความที่จดแจ้งอาจไม่ตรงต่อความจริงก็ได้ ดังนั้น จึงจําเป็นต้องพิจารณาถึงข้อพิรุธและพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วย”
2.2 ข้อเท็จจริงตามที่ได้จากเอกสารหลักฐานในสํานวนและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนของศาล มีข้อพิรุธที่เป็นสาระสําคัญหลายประการ ดังนี้
(1) “...เมื่อพิจารณาประกอบกับตราสารการโอนหุ้นของผู้ถูกร้อง ที่มีทนายความรับรองลายมือชื่อ อันเป็นการกระทํามากกว่าที่กฎหมายบัญญัติ แสดงให้เห็นถึงความจงใจของผู้ถูกร้อง เพื่อทําให้น่าเชื่อว่า มีการโอนหุ้นกันในวันดังกล่าวจริง ส่วนที่ผู้ถูกร้องเบิกความอ้างว่า ตั้งใจอย่างจริงจัง อยากจะทํางานการเมืองโดยที่ไม่มีข้อผลประโยชน์ เหมือนกับที่คุณทักษิณโดนมาก่อน ไม่ได้ตั้งใจมาทําเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวนั้น ย่อมแสดงว่า ผู้ถูกร้องต้องจัดการโอนหุ้นอย่างรอบคอบเนื่องจากจะเข้าสู่การเลือกตั้ง เป็นนักการเมืองที่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกตรวจสอบได้ แต่การดําเนินการเพื่อให้การโอนหุ้นสมบูรณ์ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง สามารถทําได้ง่ายกว่า และได้ผลสมบูรณ์ชัดเจนจนไม่อาจโต้แย้งได้ โดยเพียงนําหลักฐานการโอนหุ้นหรือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นไปยื่นไว้ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทโดยเร็ว ตามที่เคยปฏิบัติมา ไม่มีเหตุที่ต้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานถึง 72 วัน
จากเอกสารหลักฐานที่มิได้อยู่ในความครอบครองควบคุมของคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัดโดยยังไม่ได้โอนหุ้นออกไป เนื่องจากเป็นบริษัทที่ผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นผู้บริหารและไม่ได้เข้าเกี่ยวข้อง ตามที่ได้เบิกความไว้ต่อศาล แต่เมื่อผู้ถูกร้องทราบว่านายภูเบศวร์ เห็นหลอด ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่ผู้ถูกร้องเป็นหัวหน้าพรรค ถูกศาลฎีกามีคําสั่งให้ถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 เนื่องจากเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชน ผู้ถูกร้องกลับจัดทําเอกสารการโอนหุ้นย้อนหลังเพื่อไม่ให้ขาดคุณสมบัติ จึงทําให้เกิดพิรุธหลายประการ”
(2) “..ข้อเท็จจริงปรากฏตามเอกสารของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ที่นําส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท (แบบ บอจ. 5) ต่อนายทะเบียน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นทุกครั้งตั้งแต่ ปี 2552 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด จะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและนําส่งบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร โดยเร็วทุกครั้ง เพิ่งจะมีการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ตามที่ผู้ถูกร้องอ้างเท่านั้น ที่ไม่มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และไม่มีการส่งสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ซึ่งเป็นการผิดปกวิสัยที่เคยปฏิบัติมา ทั้งๆ ที่การโอนหุ้น ครั้งนี้มีความสําคัญต่อการเข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างยิ่ง...
ส่วนที่ผู้ถูกร้อง และพยานเบิกความว่า เหตุที่ไม่ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเนื่องจากเป็นการโอนหุ้นในระหว่างคน ในครอบครัว จึงไม่จําเป็นต้องจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการโอนหุ้นจาก นางสมพรให้กับผู้ถูกร้องเมื่อเดือนมกราคม 2558 ก็มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และมีหนังสือนําส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นตามเอกสารหมาย ร 19 ข้ออ้างของผู้ถูกร้อง ขัดกับเอกสารของตนเอง
ส่วนข้ออ้างที่ว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ไม่มีพนักงานที่จะดําเนินการแจ้งการโอนหุ้นให้ นายทะเบียนทราบนั้น ก็ได้ความจากคําเบิกความของนางสาวลาวัลย์ ซึ่งเป็นพนักงานของกลุ่มบริษัทของครอบครัวผู้ถูกร้องว่า เป็นผู้มีหน้าที่จัดทําเอกสารแบบ บอจ. 5 และเอกสารการแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และหากนางสมพร สั่งให้ทําก็สามารถทําได้ ซึ่งสอดคล้องกับการจัดทําเอกสารรายงานการประชุม เอกสารการโอนหุ้น และเอกสารแจ้งการโอนหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า ได้มีการลงรายการโอนหุ้นใน สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นด้วย ซึ่งแสดงว่า ยังมีพนักงานที่ทํางานให้กับบริษัทได้ ฉะนั้น หากมีการโอนหุ้นวันที่ 8 มกราคม 2562 จริง ผู้ถูกร้องย่อมสามารถจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และแจ้งนายทะเบียน หุ้นส่วนบริษัทได้ในเวลารวดเร็วดังที่เคยปฏิบัติมา ข้ออ้างของผู้ถูกร้องจึงฟังไม่ขึ้น…”
(3) “...ผู้ถูกร้องอ้างว่า นางสมพร ได้สั่งจ่ายเช็คค่าหุ้นให้กับผู้ถูกร้องและคู่สมรส โดยอ้างต้นขั้วเช็ค ยืนยันว่า เป็นการสั่งจ่ายเช็คตามลําดับ ไม่ได้ทําย้อนหลังนั้น เมื่อพิเคราะห์ต้นขั้วเช็คเอกสารหมาย ศ 9/110 ถึง ศ 9/117 ซึ่งตรงกับเอกสารหมาย ถ 30 แล้ว เห็นว่า สมุดเช็คเล่มดังกล่าว นางสมพรไม่ได้ใช้สั่งจ่ายเช็คเป็นประจํา การสั่งจ่ายเช็คแต่ละฉบับห่างกันเป็นเดือนหรือหลายเดือน โดยเฉพาะเช็คเลขที่ H 11309953 ที่สั่งจ่ายวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เช็คฉบับถัดมาเลขที่ H 11309954 สั่งจ่ายเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ซึ่งเป็นเวลาห่างกันถึง 5 เดือน เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่มีการเก็บเช็คดังกล่าวไว้ โดยไม่นําไปขึ้นเงินกับธนาคารเป็นเวลานานผิดปกติ ต่างจากที่เคยปฏิบัติมาจนเมื่อถูกสื่อมวลชนทั้งประเด็นถามจึงได้ชี้แจงแสดงเหตุผลว่าที่ยังไม่นําเช็คไปขึ้นเงิน เป็นเพราะเหตุผลใด จึงยังไม่อาจหักล้างข้อพิรุธในจุดนี้ได้ และจึงไม่มีน้ำหนักที่จะทําให้เชื่อว่า มีการสั่งจ่ายเช็คค่าหุ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 จริง”
(4) “... คดีนี้ มีประเด็นพิจารณาว่า ผู้ถูกร้องได้โอนหุ้นให้นางสมพร เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 จริงหรือไม่ แม้จะฟังว่า ผู้ถูกร้องกลับจากจังหวัดบุรีรัมย์มาบ้านที่กรุงเทพมหานครในวันดังกล่าวจริง ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็รับฟังได้เพียงว่า ผู้ถูกร้องอยู่ที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 8 มกราคม 2562 เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า มีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด ในวันดังกล่าวจริง การพิจารณาว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 จริงหรือไม่ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ และพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี”
2.3 น่าสนใจว่า เมื่อไหร่ กกต.จะไปดำเนินการต่อเนื่อง เมื่อพบว่าได้มีการกระทำอันอาจเข้าข่ายฐานความผิดอื่นๆ อีกหลายประการแล้ว จากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
มีการทำเอกสารเท็จ นำมาอ้างกับ กกต. และอ้างในศาล หรือไม่?
มีการจงใจฝ่าฝืนมาตรา 151 พ.ร.ป.การเลือกตั้งฯ หรือไม่?
กกต.จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้หรือ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี