ในระดับสากลเวทีโลก ของทุกประเทศทุกรัฐบาลไม่ว่าจากระบบเผด็จการหรือประชาธิปไตยเข้าใจช่องทางการเจรจาการส่งสัญญาณต่างๆว่า เบอร์ 1 คือนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี เบอร์ 2 คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่รู้กันและยึดถือปฏิบัติตามมา ส่วนรัฐมนตรีอื่นๆ ไม่ว่ารองนายกฯ หรือรัฐมนตรีกลาโหม ก็ต้องไปยืนตามหลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
สังคมคงหายหงุดหงิดไปบ้างแล้ว ในประเด็นนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ หลุดปากให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร ต้องการให้รัฐบาลส่งสัญญาณให้ประเทศในอาเซียน ส่งสัญญาณให้สหรัฐ ประนีประนอม หรือพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน ว่า ก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 มกราคม สหรัฐ ได้ประสานมายังไทย เมื่อวันที่ 2 มกราคม ว่า เขามีเหตุจะต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ และก็มีการติดต่อกับอาเซียนอยู่แล้ว
“เขาแจ้งก่อนล่วงหน้า 1 วัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ช่องว่างที่จะไปยับยั้งอะไรกันในวันนั้นๆ เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่เกิดซ้ำ หรือว่าไม่บานปลายไป” นายดอน กล่าวยังย้ำว่า ส่วนท่าทีของไทยก็มีคำกล่าวออกไปแล้ว และเราติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลาย ไม่มีการยั่วยุ ต้องการให้ช่วยกันลดความตึงเครียด เพื่อให้ความสงบสุข และสันติภาพไม่ถูกรบกวน เวลานี้คนไทยที่อยู่ในอิหร่านมีประมาณ 300 คน เรามีการแจ้งเตือนไปแล้ว
กระนั้นก็ตามในประเด็นคำสัมภาษณ์ของรมว.ต่างประเทศว่าทางสหรัฐแจ้งล่วงหน้าก่อนโจมตีอิหร่านนั้น ทาง น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงผ่านว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบก่อนแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน ทั้ง สส.ซีกรัฐบาล และฝ่ายค้าน แม้กระทั่งนักวิชาการ ก็ตำหนิ รมว.ต่างประเทศของไทย ที่เอาความลับทางการทูตมาเปิดเผย และไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากเหตุการณ์นี้ อีกทั้งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายงานประจำปี 2563 ที่ประชุมจากซีกฝ่ายค้านก็หันมายำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นข้อพิพาทอิหร่าน-สหรัฐ
และต่อมา ทาง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศก็ออกมาให้สัมภาษณ์ซ้ำว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบก่อนตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกไว้ก่อนหน้านี้
ก็ถือว่าแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน อีกทั้งยังโชคดีที่คู่กรณีมีหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติรายงานเหตุการณ์ที่แต่ละฝ่ายได้กระทำลงไป พร้อมส่งสัญญาณเจรจา และกระทรวงการต่างประเทศไทยไม่ควรจะหลุดปากเสนอแนะอะไรออกไปอีก เพราะเรื่องนี้ไม่มีผลดีอะไรต่อประเทศไทยแม้แต่นิดเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี