ปรากฏการณ์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ที่สวนวชิรเบญจทัศ(สวนรถไฟ) จตุจักร กทม. มีการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” หลังวิ่งกันจนเหงื่อตก ทางผู้จัดงานได้ทยอยมอบเหรียญรางวัลรุ่น “ปราบกบฏ” ซึ่งมีลักษณะเป็นเหรียญโลหะปั๊มตรา “หมุดคณะราษฎร” ที่มีข้อความว่า “24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง”
อีกทั้งยังประกาศโปรแกรมจะไปวิ่งไล่ลุงกันอีกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่จังหวัดเชียงใหม่
“ลุง” ในที่นี้พอเข้าใจกันได้ในหมู่นั่งวิ่งว่าคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หรืออาจจะรวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้วยก็ได้เพราะนาฬิกาในจุดสตาร์ทวิ่งไล่ลุงเขียนว่า “เรือนนี้ยืมเพื่อนมา”
เวลาไล่เลี่ยกันที่สวนลุมพินี ก็มีกิจกรรม“เดินเชียร์ลุง” มีการแจกหมวก เสื้อฟรีและไม่ต้องลงทะเบียนคือใครจะมาวิ่งเชียร์ลุงก็ได้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
“ลุง” ในที่นี้ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและรมว.กลาโหม เช่นเดียวกัน และอาจเหมารวมไปถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
ทั้ง 2 กิจกรรมบรรดาแกนนำนักวิ่งไล่ลุงเดินเชียร์ลุง เปิดฉากให้สัมภาษณ์ใส่กัน ฝ่ายกองเชียร์ก็ผสมโรงไปตามธรรมชาติของกิจกรรม จะว่าไปแล้ว ในกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และเดินเชียร์ลุงนั้น น่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมืองมากกว่าเป็นกิจกรรมทางการกีฬา เพื่อออกกำลังกายยามเช้า
หรือคล้ายๆ กับ “เด็กเล่นขายของ” ซึ่งสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ให้ความหมายว่า คือ การเล่นของเด็กอย่างหนึ่ง สมมุติตนเองเป็นแม่ค้าพ่อค้า นำสิ่งของต่างๆ มาขาย สิ่งที่ขายเป็นของเล่นที่สมมุติขึ้น เช่น สมมุติใช้ใบไม้ใบหญ้าเป็นผักต่างๆ มากำขาย การเล่นขายของของเด็ก เป็นการเล่นสมมุติ ไม่จริงจัง คำว่าเด็กเล่นขายของ จึงกลายมาเป็นสำนวนหมายความว่า ไม่ทำอะไรจริงจัง
อย่าคิดไปไกลถึงการจุดกระแสปฏิวัติ!!
ผิดกับนักวิ่ง นักเดิน อย่าง ร็อกเกอร์ใจหล่อ “ตูน บอดี้สแลม” หรือ อาทิวราห์คงมาลัย และคณะเพราะมีเป้าหมาย มีความชัดเจนที่จะช่วยเหลือสาธารณะโดยไม่มีการเมืองแอบแฝง
อาทิวราห์ เป็นหัวหน้าโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ซึ่งมีเป้าหมายระดมเงินทุนทะลุ 700 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งในประเทศไทยด้วยการวิ่งจาก อำเภอเบตงจังหวัดยะลา จุดใต้สุดของประเทศไทย ไปยังอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จุดเหนือสุดของประเทศไทย รวมระยะทาง 2,215.4 กิโลเมตร รวมเวลาการวิ่ง 55 วัน สุดท้ายได้จำนวนเงินเกินเป้าหมาย อยู่ที่ 1,148 ล้านบาท
และยังวิ่งโปรแกรมสั้นๆ อีกหลายแห่งเพื่อหาเงินช่วยโรงพยาบาลอีกหลายสิบบ้าน
ก็คงห้ามไม่ได้ ถ้ากิจกรรมวิ่งไล่ลุง หรือเดินเชียร์ลุง จะมีอีก
แต่ผมอยากแนะนำว่า ควรทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมบ้าง อย่าเสียเหงื่อฟรี อย่างน้อยๆ วิ่งไปไล่ไป เดินไปเชียร์ไป แล้วถือกล่องรับบริจาคเงินเพื่อนำไปซื้อเครื่องมือแพทย์ ให้โรงพยาบาล องค์การกุศล ช่วยเด็กยากไร้น่าจะได้บุญได้กุศลมากกว่า
ยอดบริจาคของแต่ละฝ่าย จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ชาวบ้านชอบท่านมากน้อยแค่ไหนที่มาวิ่งไล่ลุง หรือเดินเชียร์ลุง
ถ้าเดินหรือวิ่งแล้ว ได้เงินครั้งละ 10 ล้าน 20 ล้านเอาไปช่วยการกุศล ผมเชื่อว่า “ลุง” ก็คงอยากให้วิ่งหรือเดิน ทุกสัปดาห์
และ “ลุง” ก็อาจจะจัดรถตำรวจนำทางรถพยาบาล มาสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี