คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้เล็งเห็นความสำคัญของกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมในภาครัฐในฐานะที่เป็นกิจการธุรกิจที่รัฐบาลได้เป็นผู้ที่ริเริ่มไว้ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกิจการเหล่านี้ได้แก่งานของกรมไปรษณีย์โทรเลข,งานของบริษัทไปรษณีย์ไทย,องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้เมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ทั้งบริษัท ทศท จำกัด(มหาชน)และบริษัทแคทเทเลคอม จำกัด (มหาชน) ควบรวมกิจการภายใต้บริษัทชื่อ “บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT” โดยให้กระทรวงการคลังถือหุ้นเต็ม 100% และการดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับจากนี้และให้ยกเลิกการจัดตั้งบ.โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด
ปัจจุบันองค์การสื่อสารภาครัฐจำเป็นต้องแปรรูปเพื่อให้สามารถแข่งกับภาคเอกชนได้แต่เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้ส่งผลให้การดำเนินงานของ 2 หน่วยงานมีความทับซ้อนส่งผลให้เกิดสถานการณ์แข่งกันเองซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้ง 2 หน่วยงาน จนมีการมองถึงการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัท เข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งและช่วยให้ทั้งคู่กลายเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารใหญ่และครอบคลุมทั่วประเทศแข่งกับภาคเอกชนได้
การควบรวมกิจการครั้งนี้ทำให้ทั้ง 2 บริษัท เป็นเนชั่นแนลเทเลคอมสามารถเข้าไปร่วมประมูลคลื่นความถี่ 700 MHz, 1800 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz (26,000 MHz) ตามเงื่อนไขประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติการควบรวมกิจการครั้งนี้จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของการให้บริการด้านโทรคมนาคมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ MVNO ที่ยังเหลืออยู่มาก
รวมไปถึงบริการการสื่อสารภายใต้แบรนด์ My by CAT เมื่อควบรวมแล้วบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นมานี้จะมีสินทรัพย์และรายได้รวมทั้ง 2 บริษัท อยู่ที่ประมาณเท่าใดและหนี้สินรวมของทั้ง 2 บริษัท มีจำนวนเท่าใดการดำเนินการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องการให้การสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ มีสภาพการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ให้ประชาชนผู้บริโภคสามารถได้รับผลประโยชน์จากการให้บริการสื่อสารอย่างเต็มที่เหมือนในต่างประเทศ
การดำเนินการครั้งนี้นับเป็นการปลุกชีพให้กิจการโทรคมนาคม ภาครัฐสามารถอยู่ต่อในตลาดที่มีประชากรผู้ใช้โทรศัพท์ทั่วประเทศมากกว่า 65 ล้านรายหรืออาจจะมากกว่าซึ่งช่องว่างทางด้านการตลาดนั้นยังมีอยู่มากเนื่องจากชาติในกลุ่มเอเชี่ยนมีประชากรรวมกันมากกว่า 650 ล้านคน แม้ประเทศไทยจะมีกิจการสื่อสารโทรคมนาคมของเอกชนซึ่งได้แก่ เอไอเอส,ดีแทค และทรูอยู่แล้วก็ตาม
แต่เนชั่นแนลเทเลคอมที่เป็นของรัฐบาลนั้นมีสินทรัพย์ รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์บ้านและอาคารที่ถือว่ามีฐานลูกค้าในมืออยู่หลายสิบล้านเลขหมาย เนชั่นแนลเทเลคอมสามารถสร้างพื้นฐานการบริการให้แพร่หลายต่อไปได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมถึงปริมาณความต้องการใหม่ๆที่สามารถตอบสนองกิจการโทรคมนาคมได้อีกหลายช่องทางเชื่อว่ากิจการนี้ยังคงเป็นที่พึ่งที่ดีของประชาชนผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี