คุณเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครใช่หรือไม่ ถ้าใช่กรุณาตอบคำถามต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง คุณเดินทางไปทำงานประจำวันด้วยระบบขนส่งมวลชน หรือใช้รถยนต์ส่วนตัว ข้อสอง หากคุณต้องการจะใช้ระบบขนส่งมวลชนในชีวิตประจำวัน คุณจะได้รับความสะดวกสบายหรือไม่ หรือหากจะถามให้ชัดๆ คือ คุณจะสามารถเดินทางไปทำงานได้ทันเวลาหรือไม่ แล้วคุณจะกลับถึงบ้านของคุณในสภาพเช่นไร
ต้องยอมรับว่า คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างเบื่อหน่าย และเครียดกับปัญหาวิกฤติจราจรที่เกิดขึ้นมาไม่น้อยกว่า 40 ปีแล้ว แต่ถามว่าแล้วทำไมคนเหล่านั้นจึงต้องทนกับปัญหานี้คำตอบก็คือเพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า หากมีทางเลือกที่ดีกว่า ก็จะเลือกหนทางนั้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องการทนอยู่กับปัญหาเรื้อรังนี้อีกต่อไป
ยิ่งในขณะนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับปัญหามลพิษในอากาศ อันเนื่องมาจากฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นมาก็ส่งผลให้ผู้มีอำนาจรัฐต่างออกมาให้ความเห็นกันอย่างโกลาหล เช่น ด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าต้นเหตุส่วนใหญ่ร้อยละ 75 ของ PM2.5 ในเขตกรุงเทพฯเกิดมาจากยานพาหนะ และรองลงมาก็จากภาคอุตสาหกรรม ว่าแล้วก็ถามประชาชนกลับว่า ประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่หากภาครัฐจะเข้มงวดกับต้นตอของปัญหา PM2.5
ด้านกระทรวงมหาดไทยก็ให้ความเห็นกับเรื่อง PM2.5 ว่าปัญหานี้มีต้นตอมาจากการใช้ยานพาหนะ การก่อสร้าง และจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงมีต้นเหตุมาจากการที่ประชาชนเผาสิ่งต่าง ๆ ในที่โล่งแจ้ง ว่าแล้วทางกระทรวงมหาดไทยก็บอกว่าปัญหาทั้งหมดเกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ แล้วถ้าหากไม่ต้องการให้เกิดปัญหานี้ ทุกคนก็ต้องร่วมมือยุติการกระทำดังกล่าว
เมื่อฟังคำพูดของผู้มีอำนาจบริหารกระทรวงทั้งสองแล้ววิญญูชนในสังคมไทยต่างหัวเราะขบขัน แต่ประชาชนหลายรายก็เกิดอาการสมเพชในสติปัญญาของผู้บริหารกระทรวงดังกล่าว
คำพูดของเจ้ากระทรวงทั้งสองแห่งดูเสมือนตอกย้ำว่าประชาชนคือผู้ก่อปัญหามลภาวะ และปัญหานี้จะหมดไปต่อเมื่อประชาชนยุติการก่อมลภาวะ แต่กลับไม่ปรากฏแม้แต่น้อยว่ารัฐบาลจะพิจารณาตัวเองว่าตนเองนั้นมีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดมลภาวะด้วยหรือไม่
วิญญูชนตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า หากรัฐบาลจะขอให้ประชาชนเลิกใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แล้วรัฐบาลมีระบบขนส่งมวลชนที่ดีและมีประสิทธิภาพรองรับประชาชนได้อย่างทั่วถึงแล้วหรือยัง หรือการที่รัฐบาลบอกว่าปัญหามลภาวะมาจากโรงงานอุตสาหกรรม คำถามโต้กลับก็คือ แล้วรัฐบาลเคยเข้าไปดูแลและตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับการปล่อยควันพิษ และของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมบ้างหรือไม่ ส่วนเรื่องการเผาในที่โล่งแจ้งนั้น รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงๆ จังๆ กับผู้กระทำความผิดในเรื่องดังกล่าวบ้างหรือไม่ หรือเพียงแต่พูดเพื่อให้สังคมเห็นว่ารัฐบาลได้พูดไปแล้วเท่านั้น
หากรัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหามลภาวะของไทยอย่างจริงจังมากกว่าที่กำลังกระทำอยู่ในปัจจุบัน รับรองว่าปัญหามลภาวะ และมลพิษจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนขั้นรุนแรงเหมือนดั่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้
แต่ถ้าหากรัฐบาลยังเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาถามประชาชนกลับว่าแล้วจะให้รัฐบาลแก้ปัญหามลภาวะอย่างไร ก็เท่ากับรัฐบาลรับสารภาพว่าหมดปัญญาแก้ปัญหาสังคม แล้วถ้ายิ่งเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลโยนกลองว่าปัญหามลภาวะเกิดจากประชาชน ก็เท่ากับประกาศให้ประชาชนรู้ชัดๆ ว่าไม่มีประโยชน์กับการมีรัฐบาล เพราะรัฐบาลที่แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ ก็คือรัฐบาลที่เปล่าประโยชน์ มีรัฐบาลเช่นนี้ต่อไปก็ไร้ค่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี