ช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ เมื่อปี 2541 ซึ่งใช้อดีตที่ทำการสถานทูตสหรัฐอเมริกา ณ กรุงเตหะราน เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการ โซไลมานี ในวัย 41 กลายเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมทางภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่ตะวันออกกลางโซไลมานีเป็นทั้งผู้ดำเนินนโยบาย หาข่าวกรองไปจนถึงควบคุมปฏิบัติการทั้งใต้ดินและบนดิน กล่าวได้ว่าโซไลมานีทำหน้าที่เป็นทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) และผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม (Joint Special Operations Command) หรือหน่วยJSOC ของสหรัฐอยู่ภายในคนคนเดียวกันทั้งหมด
ด้วยบทบาทการทำงานแบบ 3-in-1 ตลอดระยะสิบกว่าปีในตะวันออกกลางทำให้ในปี 2555 ทั้ง CIA, MI-6และ Mossad หน่วยสืบราชการลับของ สหรัฐ อังกฤษ และอิสราเอล ได้แขวนป้ายให้ กาเซ็ม โซไลมานี เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในพื้นที่ตะวันออกกลาง
ในบทบาทรัฐมนตรีต่างประเทศตัวจริงอย่างไม่เป็นทางการโซไลมานีรับคำสั่งโดยตรงจากผู้นำสูงสุด (SupremeLeader of Iran) อายะตุลลอฮ์ อาลี คาเมนี (ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2532 ภายหลังการเสียชีวิตของ อายะตุลลอฮ์ รูฮุลลอฮ์ โคไมนี)ในภารกิจการขยายอิทธิพลของอิหร่านหรือความเป็นรัฐอิสลาม นิกายชีอะห์ (Shiite) ไปในภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหมด
อิหร่านนั้นเป็นประเทศที่มีการปกครองอันเป็นลักษณะที่เรียกว่า bifurcation หรือการปกครองที่แยกออกเป็นสองเส้นทางที่ปกครองแบบคู่ขนานกันไปคือทั้งแบบทางโลกและทางธรรมดังนั้นรัฐธรรมนูญอิหร่านจึงถูกเรียกว่ารัฐธรรมนูญแบบเทวาธิปไตย-สาธารณรัฐ (Theocratic-RepublicanConstitution) กล่าวคือทางหนึ่งก็มีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง มีคณะรัฐมนตรี ระบบราชการ กองทัพ ตำรวจตามรูปแบบรัฐทั่วๆ ไป แต่ขณะที่อีกเส้นทางหนึ่ง ก็มีผู้นำสูงสุดหรือ The Supreme Leader of Iran เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณโดยมีกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามหรือ IRGC (theIslamic Revolution Guard Corps) ทำหน้าที่เป็นกองทัพพิทักษ์ความเป็นรัฐอิสลาม นิกายชีอะห์
IRGC ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2522 โดยโคไมนีภายหลังการปฏิวัติโค่นล้มการปกครองแบบกษัตริย์ของพระเจ้าชาห์โมฮัมเหม็ด เรซา ปาห์ลาวี ผู้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ 1) ในตอนนั้น โคไมนียังมีความไม่ไว้วางใจกองทัพอิหร่านเพราะคิดว่าอาจจะยังมีความจงรักภักดีกับพระเจ้าชาห์อยู่ ดังนั้นเพื่อป้องกันการถูกปฏิวัติซ้อนโดยกองทัพ (ซึ่งอาจจะมีสหรัฐหนุนหลังอยู่) โคไมนีจึงตั้ง IRGC ขึ้นมาเป็นกองกำลังของตนเองเพื่อคานอำนาจกับกองทัพอิหร่าน และ 2) โคไมนีต้องการให้ IRGCเป็นกองกำลังในการรักษาอิหร่านให้ธำรงซึ่งไว้ในรูปแบบรัฐอิสลามตลอดไป รวมทั้งใช้ IRGC เป็นกลไกการขยายอิทธิพลของนิกายชีอะห์ไปทั่วโลกโดยเฉพาะในดินแดนตะวันออกกลาง โดยมีกองกำลังคุดส์ (Quds Force) อันเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษในต่างแดนของ IRGC เป็นเครื่องมือที่สำคัญ
ด้วยประสบการณ์กับสมรภูมิรบ 8 ปี ในสงครามอิรัก-อิหร่าน ที่เริ่มขึ้นในปี 2523 เพียงแค่ปีเดียวหลังจากที่เพิ่งเข้าร่วมกับกองกำลังคุดส์ ในตอนนั้น พลทหารกาเซ็มโซไลมานี มีหน้าที่เพียงแค่ลำเลียงเสบียงอาหารส่งไปให้ทหารอิหร่านที่ทำการรบอยู่ที่แนวหน้า ซึ่งในเวลานั้นอิรักต้องการอาศัยช่วงความวุ่นวายจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศของอิหร่านเข้ามาก่อสงครามซ้ำเติมเพื่อขยายดินแดนทางด้านตะวันออกของตนเอง
“.....มันเป็นเพียงภารกิจ 15 วันที่ต้องเอาน้ำดื่มเข้าไปส่งให้ทหารที่ประจำการอยู่ในแนวหน้า…”
โซไลมานีให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2548 ถึงภารกิจแรกในกองกำลังคุดส์ แต่สุดท้ายแล้วภารกิจ 15 วันกลับกลายเป็นภารกิจ 8 ปีที่โซไลมานีต้องเปลี่ยนจากทหารฝ่ายพลาธิการกลายมาเป็นทหารราบฝ่ายแนวหน้าคอยประจัญบานกับทหารอิรักจนสงครามสิ้นสุดเมื่อปี 2531
พอแนวรบด้านตะวันตกในสงครามกับอิรักสงบ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 (2533-2535) โซไลมานีได้ขยับขึ้นเป็นนายทหารชั้นนายพัน ระดับผู้บังคับการหน่วยรบกองกำลังคุดส์ ถูกส่งข้ามฟากไปยังแนวรบด้านตะวันออกของอิหร่านเพื่อไปปราบปรามกับกลุ่มตาลิบันกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง นิกายซุนนี (Sunni) ที่กำลังเหิมเกริมอยู่ในประเทศอัฟกานิสถานในสมรภูมิอัฟกานิสถานนี้เองที่ทำให้โซไลมานีได้สร้างสายสัมพันธ์กับว่าที่ผู้ก่อการร้ายอย่างบิน ลาเดน กลุ่มมาเฟียค้ายาเสพติดในเอเชียกลางไปจนถึงนายพลค้าอาวุธจากกองทัพรัสเซีย
13 ปีกับชีวิตจริงในสนามรบระหว่างอิหร่าน-อิรักและตาลิบัน โซไลมานี ในวัย 30 กลางๆ ผู้ซึ่งผ่านการศึกษาแบบในระบบเพียงแค่ระดับชั้นมัธยมบวกกับหลักสูตรการรบประเภทสุกเอาเผากินเพียงแต่ 45 วันแต่กลับได้เรียนรู้อะไรมากมายจากในสมรภูมิรบนอกห้องเรียนที่หาไม่ได้ในโรงเรียนมัธยมผู้ดีอังกฤษแบบอีตัน หรือมหาวิทยาลัยชนชั้นปกครองอย่างเยลและแม้กระทั่งโรงเรียนผลิตนักรบชั้นนำนายร้อยเวสต์พอยต์
ในปลายทศวรรษที่ 1990 ภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ ในปี 2541
นักรบอย่าง พลตรีกาเซ็ม โซไลมานี ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่จากนักรบบ้าระห่ำแบบแรมโบ้ (Rambo) หรือเตียวหุยมาเป็นสายลับแบบเจมส์ บอนด์หรือนักวางแผนกลยุทธ์อย่างขงเบ้ง
อย่างไรก็ตาม การเป็น The Mastermind ในปฏิบัติก่อการร้ายทั้งแบบซึ่งหน้าและลับหลังที่คร่าชีวิตทหารและพลเรือนชาวอเมริกันไปกว่าหกร้อยคน รวมทั้งชาวยิวอีกและผู้บริสุทธิ์อีกหลายร้อยคน ทำให้ในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ใส่ชื่อIRGC ให้เป็นหนึ่งในรายชื่อองค์การก่อการร้ายสากลสำหรับรัฐบาลสหรัฐ เฉกเช่นเดียวกับกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอนหรือกลุ่มฮามาส (Hamas) ในดินแดนปาเลสไตน์อันนำไปสู่ปฏิบัติการโดรนสังหารผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์หน่วยปฏิบัติการพิเศษในต่างแดนของ IRGC เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
ธิติ สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี