สภาพภูมิประเทศของประเทศไทยที่เคยมีการอุปมาว่าเป็นขวานทองนั้น ย่อมเปรียบได้ด้วยว่าภาคกลาง ภาคเหนือและภาคอีสานคือตัวขวาน ส่วนภาคใต้นั้นเป็นด้ามขวาน และการจะใช้ขวานทำการงานสิ่งใดนั้นก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าก็ต้องจับที่ด้าม และใช้ด้ามนั่นแหละในการใช้ขวานทำการทั้งหลาย
ดังนั้นแม้ตัวด้ามขวานจะมิใช่ตัวขวานหรือคมขวาน แต่ถ้าหากไร้ด้ามเสียแล้วหรือถ้าใช้ด้ามขวานไม่เป็น หรือไม่ใช้ด้ามขวานเสียเลยก็อย่าหมายว่าขวานนั้นจะเป็นประโยชน์อันใด
รังแต่จะเป็นโทษเพราะสันขวานนั้นก็ทำอันตรายได้ ส่วนคมขวานก็ยิ่งอันตราย ดังนั้นขวานจะเป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์ ฐานะและความสำคัญจึงอยู่ที่ด้ามขวานและการใช้ด้ามขวานให้เป็น ขวานนั้นจึงจะก่อเกิดประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์
ภาคใต้ของประเทศไทยแม้มี สส. น้อยกว่าภาคอีสานและภาคเหนือเพราะมีประชากรน้อยกว่า แต่ประชากรในพื้นที่ภาคใต้นั้นก็ต้องนับว่ามีอยู่ไม่น้อยในขณะที่สภาพพื้นที่ก็มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง และสมบูรณ์ในทุกด้าน
สามารถทำนาทำสวนทำไร่ได้ทุกประการ พื้นที่มีทั้งภูเขา ที่ราบ ที่สูง ที่ชัน มีเกาะ มีแก่ง และมีชายทะเลที่ยาวเหยียดสวยงาม มีชายฝั่งทะเลมากที่สุดของประเทศไทย ด้านตะวันตกก็จรดทะเลอันดามัน ต่อทอดไปถึงมหาสมุทรอินเดียและท้องน้ำอันเวิ้งว้างว่างไกลโพ้น
ด้านตะวันออกก็จรดอ่าวไทย ต่อทอดไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิกอันยิ่งใหญ่ไพศาล
ทั้งสองด้านสามารถติดต่อทั่วโลกกว้างได้อย่างสะดวก และทั่วถึง ทางด้านตะวันตกไปถึงอินเดีย ตะวันออกกลางและยุโรป ในขณะที่ทางด้านตะวันออกก็ไปถึงฟิลิปปินส์ ชวา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี กระทั่งถึงอเมริกา สามารถติดต่อกับประชากรค่อนโลกได้โดยทางทะเล และมีท่าเรือน้ำลึกมากมาย ที่สามารถเชื่อมโยงติดต่อค้าขายกับทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะสภาพเช่นนั้นจึงกำหนดให้คนพื้นที่ภาคใต้ใฝ่การเรียนรู้และการศึกษา และมีบทบาทมากในการบ้านเมืองของประเทศ เฉพาะคำพยากรณ์ของศาลหลักเมืองสงขลาเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่ระบุว่าในอนาคตกาลจะมีชาวสงขลาที่มีบุญญาธิการมากสามคนอุบัติขึ้น
และเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าคนแรกคือเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คนที่สองก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งผลงานและคุณงามความดีทั้งหลายก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วแก่ชาวไทยและชาวโลก
และมาถึงบัดนี้คนสงขลาที่มีบุญญาธิการมากที่คนทั้งหลายเฝ้ารอคอยมายาวนานแล้วก็ได้อุบัติขึ้นแล้ว ส่วนจะเป็นท่านใดก็ให้ตั้งข้อสังเกตโดยแยบคายก็จะรู้เห็นได้ไม่ยากนัก
น่าเสียดายนักที่ตลอดระยะเวลานับร้อยปีพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้รับการเหลียวแลพัฒนาเท่าที่ควร ภาคใต้เดินหน้าไปตามวันเวลาตามยถากรรม ยกเว้นเป็นบางช่วงเวลาที่รัฐบาลส่วนกลางได้เห็นความจำเป็นและได้เห็นความสำคัญ จึงได้เจียดงบประมาณไปในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้บ้าง
ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้จัดสรรงบประมาณพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ให้ไล่ตามการพัฒนาภาคอื่นๆ ได้บ้าง กระทั่งมาถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ก็ได้ริเริ่มให้มีการก่อสร้างถนนสี่เลนทั่วภาคใต้ เป็นอาณาประโยชน์ใหญ่หลวงแก่พื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนรวมจนบัดนี้
สำหรับพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลากินอาณาบริเวณจังหวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง เชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกันกับจังหวัดนครศรีธรรมราช และเชื่อมไปทางตะวันตกถึงจังหวัดสตูล ออกสู่ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดียเป็นพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด มีภูมิยุทธศาสตร์ดีที่สุด แต่กลับเป็นพื้นที่ที่ถูกทอดทิ้งยาวนานมากที่สุด พอได้เงยหน้าอ้าปากบ้างก็ในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้น
มาถึงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก็ได้เอื้อเฟื้อทำให้ถนนรอบทะเลสาบสงขลาที่รัฐบาลพลเอกเปรมติณสูลานนท์ สานต่อไว้ช่วงบ้านหัวป่ากับบ้านไสกลิ้งแล้วเสร็จ ทำให้การคมนาคมทางถนนรอบทะเลสาบสงขลาไปมาสะดวก และเมื่อเชื่อมโยงกับสะพานติณสูลานนท์ที่เชื่อมโยงเกาะยอกับตัวเมืองสงขลาแล้ว ทำให้การคมนาคมรอบทะเลสาบสงขลามีความสมบูรณ์มากขึ้น
รอวันเวลาเชื่อมโยงถนนจากสนามบินหาดใหญ่ มายังริมทะเลสาบสงขลาระยะทางไม่กี่กิโลเมตร ก็จะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวและผู้คนทั้งหลายจากทั่วประเทศและต่างประเทศเข้าสู่รอบทะเลสาบสงขลาได้อย่างสะดวก จะได้เห็นวัฒนธรรมประเพณีความสวยสดงดงามตามธรรมชาติที่สืบทอดต่อมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดอีกแหล่งหนึ่งของประเทศ
ดังนั้นก่อนถึงอสัญกรรมราวหนึ่งปี พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ซึ่งอยู่ในบั้นปลายของชีวิตและความชราภาพมากแล้วก็ยังสู้คิดยุทธศาสตร์พัฒนาลุ่มทะเลสาบสงขลา ตั้งเป้าหมายเชื้อเชิญนักลงทุนจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ เข้ามาลงทุนในพื้นที่รอบลุ่มทะเลสาบสงขลา ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาทั้งภาคใต้ตอนบนและตอนล่าง
ที่สำคัญคือจะเป็นแนวหลังในการยันและรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศในพื้นที่ชายแดนภาคใต้อย่างมีพลังยิ่ง และจะส่งผลให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีสันติภาพ สันติสุขและการพัฒนาในเวลาอันรวดเร็ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี