การลอบสังหารนายพล กาเซ็ม โซไลมานีผู้บัญชาการกองทัพกุดส์ แห่งกองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ในตอนแรกดูเหมือนว่าเป็นความภาคภูมิใจและเป็นความสำเร็จของประธานาธิบดีทรัมป์ของอเมริกา
แต่วันเวลาผ่านไปไม่เท่าใด ความภาคภูมิใจและความเข้าใจในความสำเร็จนั้นก็พลิกผันจนสิ้นเชิง กลายเป็นความอัปยศ ความสูญเสียและความปราชัยครั้งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ความคาดหวังที่จะได้กลับไม่ได้ สิ่งที่ไม่คาดหวังว่าจะสูญเสียและเสียหายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนสุดประมาณมิได้ และถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าความสูญเสียและความเสียหายนั้นจะเป็นอย่างไรและหนักหนาสาหัสอย่างไรต่อไป กลายเป็นตัว unknown ที่น่าสะพรึงกลัวและเขย่าขวัญชาวอเมริกันไปอีกนานแสนนาน
ดังนั้นจึงสมควรสรุปเบื้องต้นถึงผลได้ผลเสียของการลอบสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี เพื่อจะได้เป็นรากฐานแห่งความเข้าใจเรื่องราวในอนาคตต่อไป
สักครั้งหนึ่ง ในประการที่สำคัญดังต่อไปนี้
ประการแรก สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์บอกชาวโลกในโอกาสแรกของการลอบสังหารนั้นเป็นไปอย่างภาคภูมิใจว่า ด้วยแหล่งข่าวราชการลับอันล้ำลึกและด้วยแสนยานุภาพอันสูงล้ำ สหรัฐได้สังหารหัวหน้าใหญ่ของผู้ก่อการร้ายที่กำลังวางแผนร้ายที่จะทำอันตรายต่อสถานทูตและชาวอเมริกันในพื้นที่ตะวันออกกลางครั้งสำคัญ
แต่ต่อมาข้อเท็จจริงกลับถูกเปิดเผยโดยนายกรัฐมนตรีอิรักที่ได้แถลงต่อรัฐสภาว่า กรณีเป็นเรื่องสหรัฐขอให้รัฐบาลอิรักประสานงานเชิญนายพลกาเซ็ม
โซไลมานี มาเจรจาที่อิรักเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทางอิหร่านก็ได้ดำเนินการตามที่มีการประสานงานและส่งนายพล
กาเซ็ม โซไลมานี มาเจรจา โดยเดินทางมากับเครื่องบินโดยสาร ครั้นมาถึงสนามบินนานาชาติของอิรักและออกเดินทางออกจากสนามบินก็ถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้ผู้บัญชาการทหารของอิรักตายไปด้วยหลายคน
การแถลงของนายกรัฐมนตรีอิรักทำให้การโพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์กลายเป็นสิ่งลวงโลกและเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง ที่กระทบต่อความเป็นสุภาพบุรุษและศักดิ์ศรีของประชาชาติอเมริกันอย่างรุนแรง
ประการที่สอง การลอบสังหารหมายจะกำจัดผู้นำทางการทหารที่เก่งกล้าสามารถของอิหร่าน โดยหวังจะลดทอนความเข้มแข็งทางทหารของอิหร่าน แต่ผลที่แท้จริงกลับกลายเป็นทางตรงกันข้าม
การตายของนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ทำให้ฐานะความนับถือศรัทธาเปลี่ยนฐานะนายพลกาเซ็ม โซไลมานี เป็นชาฮีดกาเซ็ม โซไลมานี ซึ่งหมายถึงผู้พลีชีพในสงครามศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อพระเป็นเจ้าทำให้มีนายทหารนับล้านคนของตะวันออกกลางและประชาชนในตะวันออกกลางกว่า 3 ล้านคนอาสาเป็นนักรบพลีชีพเพื่อล้างแค้นให้กับชาฮีดกาเซ็ม โซไลมานี โดยพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทำให้ชะตากรรมของท่านเหล่านี้ในภายภาคหน้าน่าระทึกขวัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลับทำให้เกิดสถานการณ์นักรบพลีชีพนับล้านคนซึ่งจะมีกำลังทหารใดไปรับมือกับคนพร้อมพลีชีพเช่นนี้ได้
ประการที่สาม อิหร่านได้ยกธงแดงขึ้นเหนือมหาสุเหร่าที่สร้างขึ้นเพื่อรอการอุบัติใหม่ของอิหม่ามองค์ที่ 12 เป็นสัญญาณว่าตราบใดที่การล้างแค้นหนี้เลือดนี้ไม่สำเร็จ ธงแดงนั้นจะไม่มีวันถูกลดลงโดยเด็ดขาด และจากนั้นอิหร่านก็ประกาศล้างแค้นตบหน้าเบาๆ โดยการเปิดฉากถล่มฐานทัพสหรัฐในอิรักสองแห่งพร้อมกัน โดยประกาศล่วงหน้าให้ทราบ 8 ชั่วโมงซึ่งเป็นท่าทีที่มิได้มุ่งหมายเอาชีวิตเลือดเนื้อและทหารและผู้คนในฐานทัพเหล่านั้น และการโจมตีก็เป็นไปอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดความเสียหายยับเยินแก่ฐานทัพทั้งสอง
ที่สำคัญคือ เป็นการโจมตีที่รุนแรงรวดเร็ว จนไม่มีการป้องกันหรือสกัดได้แม้แต่ครั้งเดียว
ในตอนแรก ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าไม่มีความเสียหายและไม่มีทหารคนใดเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ
แต่ต่อมาภายหลังความจริงถูกเปิดเผยถึงความเสียหายของฐานทัพอย่างยับเยิน และมีการเปิดเผยถึงจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก คงเหลือว่าจำนวนแน่นอนจะยุติที่ตัวเลขเท่าใดเท่านั้น เรื่องนี้ได้ทำลายความเชื่อถือคำพูดของประธานาธิบดีที่ร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีสหรัฐทุกคน
ประการที่สี่ พันธมิตรของสหรัฐในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะคือประเทศอาหรับได้รับคำเตือนจากอิหร่านว่าถ้าให้สหรัฐใช้ดินแดนไปทำอันตรายแก่อิหร่านแล้ว อิหร่านก็จะโจมตีตอบโต้ดินแดนของประเทศนั้น ทำให้หลายประเทศปรับท่าทีไม่ยินยอมให้สหรัฐใช้ดินแดนของตนในการโจมตีอิหร่าน
โดยได้ปรับความสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่านอย่างออกนอกหน้า จนไม่มีใครแน่ใจได้ว่าขณะนี้จะเหลือพันธมิตรในตะวันออกกลางของสหรัฐถึง 5 ประเทศหรือไม่
ประการที่ห้า สหรัฐยืนอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งกับอิหร่านอย่างโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศพันธมิตรทั่วโลกแสดงท่าทีเฉยเมยหรือไม่เห็นด้วย ในขณะที่พันธมิตรของอิหร่านแสดงท่าทีชัดเจนที่จะยืนเคียงข้างอิหร่านชนิดถึงไหนถึงกัน
สภาพทั้งห้าประการนี้ ได้ชี้ชัดถึงผลได้ผลเสียอย่างชัดเจนของสถานการณ์ลอบสังหาร ชาฮีดกาเซ็ม โซไลมานี ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะขยายผลขยายตัวไปเพียงใด ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตามต่อไปในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี