ดูเหมือนว่าสถานการณ์บ้านเมืองกำลังเป็นสถานการณ์ผีซ้ำด้ำพลอย โดยในขณะที่บ้านเมืองกำลังเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจที่อาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ภัยแล้งก็เข้ามาเยือนจนเกษตรกรทั่วประเทศไม่มีน้ำใช้ ตามมาด้วยฝุ่นพิษที่ร้ายแรง ในขณะที่งบประมาณก็ยังใช้ไม่ได้หลังจากปีงบประมาณผ่านมาร่วม 5 เดือนแล้ว
จู่ๆ ก็มีเรื่องการติดไวรัสฮู่ฮั่นตามมาอีกซึ่งแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง เพราะแม้จะเป็นไวรัสที่ร้ายแรงน้อยกว่าโรคซาร์สในอดีตแต่ก็เป็นไวรัสที่
ติดง่าย และใช้เวลาป่วยเจ็บอย่างน้อยถึง 14 วัน หากพลาดพลั้งก็ถึงตายได้
ในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเช่นนั้น การโกงบ้านกินเมือง การปล้นชิงวิ่งราว ก็ระบาดไปทั่วทุกหนแห่ง และล่าสุดก็เกิดวิกฤติทางการเมืองซ้ำเติมขึ้นมาอีก นั่นคือการที่มี สส. เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในสภา ในขณะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ
ที่ว่าเป็นเรื่องผีซ้ำด้ำพลอยก็เพราะว่าการที่ปีงบประมาณผ่านมาร่วม 5 เดือน แล้วยังไม่มีกฎหมายงบประมาณใช้บังคับ รัฐบาลจึงใช้เงินในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ นอกจากใช้จ่ายงบประจำตามแนวทางของงบประมาณปี 2562 เท่านั้น ส่วนงบพัฒนา 500,000 ล้านบาท ซึ่งปกติถ้าหากใช้ได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ วงเงินดังกล่าวนี้ก็จะหมุนเวียนตลอดปีประมาณ 6 รอบ ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าการหมุนเวียนเป็นเงินถึง 3 ล้านล้านบาทก็จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ใน 4 ที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ
แต่เมื่อปีงบประมาณล่าช้าไปร่วม 5 เดือน และคาดหมายกันว่าจะใช้กฎหมายงบประมาณกันได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะทำให้งบพัฒนา 500,000 ล้านบาท นำไปจัดซื้อหรือจัดจ้างได้ในเวลาต่อไป
ซึ่งอย่างเร็วกว่าจะมีการประกวดราคาและทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก็คงจะล่วงเวลาไปถึงเดือนพฤษภาคมนี้และถึงเวลานั้นเงินงบประมาณเพื่อการพัฒนาดังกล่าวก็จะออกไปได้แค่ 10% เท่านั้น เพราะระบบสัญญาจะให้เบิกจ่ายล่วงหน้าได้อย่างมากก็แค่ 50,000 ล้านบาท
มิหนำซ้ำ เวลาที่เหลืออยู่ก็เพียง 4 เดือน วงเงินพัฒนา 500,000 ล้านบาท จะหมุนได้อย่างมากก็สองรอบ ทำให้พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศชาติหายไปถึง 4 รอบ เป็นมูลค่าเงินถึง
2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจครั้งใหญ่
นั่นหมายความว่ากฎหมายงบประมาณผ่านและใช้บังคับได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่บัดนี้เมื่อมีกรณี สส. ฝ่ายรัฐบาลเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันเกิดขึ้น จึงทำให้ร่างกฎหมายงบประมาณมีความเสี่ยง เพราะกรณีแบบเดียวกันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าเมื่อการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรไม่ชอบด้วยกฎหมาย มตินั้นก็เป็นอันใช้ไม่ได้ ร่างกฎหมายนั้นก็จะเป็นโมฆะ ซึ่งบรรทัดฐานนี้ย่อมมีผลผูกพันทุกองค์กรตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
นอกจากนั้น ผู้ที่ทุจริตในการลงคะแนนโดยการเสียบบัตรแทนกันก็ต้องรับผิดถึงสองสถาน คือในทางการเมือง จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง5 ปี และในทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้น พรรครัฐบาลก็เตรียมที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านก็จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย นัยว่าต่างก็มีแผนของตนเองที่ลึกซึ้งกันอยู่ จึงทำให้ประชาชสนใจว่าใครมีแผนอะไรดี และในที่สุดก็มีความชัดเจนมากขึ้น
นั่นคือพรรคฝ่ายรัฐบาลจะยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายงบประมาณได้ใช้เวลาเกิน 105 วันแล้วยังไม่แล้วเสร็จ ขอให้วินิจฉัยว่ารัฐบาลสามารถนำร่างกฎหมายงบประมาณนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้บังคับได้เลย ซึ่งประการนี้ก็ทำให้เห็นลีลาอภินิหารทางกฎหมายที่แฝงเรื่องนี้ไว้อย่างเงียบกริบ เพราะถ้าไม่เกิดกรณีนี้ขึ้นคนทั้งหลายก็จะไม่รู้ว่ามีปมดังกล่าวแอบแฝงอยู่ แต่ทว่าปมแบบนี้โดยเฉพาะระยะเวลาแค่ 105 วัน ที่ต้องใช้เวลาพิจารณาสองสภานั้นเป็นความชอบธรรมต่อสภาหรือไม่เพียงใด
ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็คงจะรู้นัยเท่าทันกันอยู่ว่าที่รัฐบาลจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นคงจะไม่มีประเด็นเรื่องความเป็นโมฆะของร่างกฎหมายงบประมาณหรือชะดีชะร้ายอาจจะมีลีลาอย่างอื่นที่ทำให้การขอวินิจฉัยตกไปแบบคาดคิดไม่ถึงก็ได้ เพราะตามข่าวก็ปรากฏว่ามีแผนรองรับอยู่ถึง 6-7 แผน ดังนั้นประเด็นที่ฝ่ายค้านเข้าชื่อกันขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายงบประมาณเป็นโมฆะ เพราะกระบวนการในการตรากฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายตามบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินไว้แล้ว
ทำให้เห็นการชิงไหวชิงพริบที่น่าขยะแขยง เพราะสภานั้นเป็นสถาบันอันมีเกียรติ เป็นสถาบันที่ถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ในการตรากฎหมายให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งหลาย รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของบ้านเมือง และรวมถึงราชนิติอันมีมาสำหรับแผ่นดินด้วย
ไม่ใช่แหล่งซ่องสุมหรือที่สุมหัวกันของคนที่ไร้เกียรติยศหรือไม่ซื่อตรงหรือไม่เคารพต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่ใช่แหล่งซ่องสุมที่จะแสดงออกซึ่งการทรยศต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณในขณะเข้ารับตำแหน่ง และไม่ใช่แหล่งที่จะสร้างตัวอย่างแห่งความเลวร้ายสามานย์ทั้งหลายในบ้านเมือง
จะเล่นแร่แปรธาตุกันประการใดก็ต้องสำเหนียกด้วยว่าฐานะของรัฐสภานั้นที่สำคัญคือการถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ในการตรากฎหมาย ซึ่งเป็นฐานะและการกระทำที่มีเกียรติยศที่เป็นหลักของบ้านเมือง หากปู้ยี่ปู้ยำกันตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเที่ยงธรรมใดๆ แล้ว ชาติบ้านเมืองก็จะตั้งอยู่ไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี