l 1.“กบ” ทำอะไร? และ “ผม” ทำอะไร?
เมื่อได้ศึกษา “กบจำศีล” และนำมาประยุกต์เข้ากับตัวตน และประสบการณ์ที่ผ่านมา ๗๐ ปี ของชีวิต
1.ช่วงจำศีล (ช่วงมีเงื่อนไขปัจจัย “ในการพักผ่อน”) ทั้งเป็นฝ่ายกระทำ และถูกกระทำทำให้เราสงบ มีสติ สมาธิปัญญา สามารถใช้ “พลัง” คิด และทำอะไรได้ตาม “ความฝันอันสูงสุด” ชีวิตและโลกนี้ มีอะไรน่าศึกษา ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเยอะ เลือกให้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงแล้วนำ“ความคิดใหม่” มาเสริมความเข้าใจ ปรับให้เข้ากับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เราก็จะได้อะไร “ดีๆ” และเก็บสะสม พัฒนาไปเรื่อยๆ จนถึง “ช่วงเวลาที่เหมาะสม ตามเหตุปัจจัย”ใจที่ว่าง “สะอาด-สงบ-สว่าง” จะเกิด “ปัญญา” ตีแตก ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
การคิดดี ทำดีฯ : ทำได้ทุกโอกาส
-เป็นฝ่ายกระทำ : ด้วยเรา เริ่มเอง
-เป็นฝ่ายถูกกระทำ : เราก็แปร “วิกฤติให้เป็นโอกาส” ได้สะสมกำลัง “กาย-สมอง และใจ” ปรับปรุง และพัฒนาตนเอง
-กาย : คือ สุขภาพ ร่างกายของตนเอง ที่แก่เฒ่าลงทุกวัน ที่ต้องการพัฒนาให้แข็งแรง เข้มแข็ง
-สมอง : คือ ความคิดอ่านที่ต้องมีการกระตุ้นพัฒนาอยู่ทุกวัน
-ใจ : คือ ส่วนสำคัญที่สุด ในการกำหนด“กายและสมอง” ให้เคลื่อนไหว พัฒนา
ทั้ง ๓ ส่วน มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกัน อยู่ตลอดเวลา
-กาย สมอง อ่อนแอ < แต่ หาก “ใจ” ยังกำหนดได้ ก็มีโอกาสพัฒนากาย สมอง ให้กลับเข้มแข็งได้
-กาย สมอง แข็งแรง < แต่หาก “ใจ” อ่อนแอ คือ “ใจไม่สู้” ในที่สุดไม่ช้าก็เร็ว กาย สมอง ก็จะทรุดลง
คือ “ใจ” เป็นประธาน เป็นผู้กระตุ้น และพัฒนา “กายและสมอง”
l ๒.ขั้นแรก คือ การสะสม “กาย-สมอง และใจ”
ต้อง ใช้ความรู้ สติปัญญา ความจริง ดูและเข้าใจ “ตัวเอง”
แก้ไข สิ่งที่ผิดพลาด, เพิ่มเติม สิ่งที่จำเป็น, พัฒนาเพื่ออนาคตที่ดีกว่า งดงาม
อดีตที่ผ่านมา ปัจจุบัน และอนาคต
อดีตที่ผ่านมา เรามีสิ่งที่ผิดพลาดไม่น้อย เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ แต่เราสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ อาจจะเป็นบางส่วน และทุกส่วนที่ทำให้ดีขึ้นได้
ปัจจุบัน เราเริ่มรู้ และต้อง “ศึกษา เรียนรู้ และพัฒนา” ต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
อดีต แก้ไขไม่ได้ แต่ เราสามารถ ใช้ปัจจุบัน ปรับปรุง พัฒนาได้ ในอยู่ได้ดี มีอนาคต
อนาคต เรากำหนดได้ในหลายสิ่ง (แม้ไม่ทุกสิ่ง)แต่เรากำหนดอนาคตได้ ไม่น้อย
กาย ต้องได้รับการศึกษา ดูแลทุกส่วนของร่างกาย
ทั้งการออกกำลังกาย การบริหารร่างกาย การกินอาหารที่ถูกต้องครบถ้วนการนอน การพักผ่อน การหายใจเต็มปอด อยู่ในที่มีอากาศบริสุทธิ์ ฯลฯ
สมอง เช่นเดียวกัน ที่เราต้องศึกษา ทำความเข้าใจ “บทบาทของสมอง” การพัฒนาสมอง ด้วยการแสวงหาความรู้ที่เป็นจริง หลักการในการคิด และวิธีการในการนำไปปฏิบัติ
“ใจ” : สำคัญและยากที่สุด อยู่ที่ “ใจ : เข้าใจเข้าถึงและพัฒนา”
แต่ “ทำได้ง่ายที่สุด” : เพราะเป็น “ใจของเราเอง”
ยากที่สุด : เพราะติดความคิด ความเคยชินว่า“ทำไม่ได้” หรือไปโทษผู้อื่นแทน
สำคัญอยู่ที่ “การเริ่มต้น” และความมุ่งมั่นเอาจริงเป็นเป้าหมาย
l ๓.ขั้นที่สอง คือ การ พัฒนา “กาย–สมอง-ใจ”
เพราะมนุษย์เป็นสัตย์ประเสริฐ เหนือสรรพสัตว์ที่สามารถฝึก เรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิตฯ ชีวิตและโลกนี้มีอะไรน่าศึกษา ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเยอะเลือกให้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง
รู้อะไร? หรืออะไร? ที่ควรรู้ในสภาวการณ์หนึ่งๆ ที่เป็นจริง
-เริ่มต้น จากการสรุป ทบทวน เรื่องราวที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย
-ตั้งคำถามว่า “เหตุปัจจัยที่ทำให้การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนไม่บรรลุ” อะไรคือข้อดี และจุดแข็ง และอะไรคือข้อไม่ถูกต้อง และเป็นจุดอ่อน
-คนที่ควรจะคบและเสวนา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด :คนที่ใช่ และคนไม่ใช่ ฯลฯ
l ๔. ช่วงออกจากถ้ำ มีความพร้อม จะสู้ต่อ : เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
l 2.ชีวิตกบ น่าศึกษา...ถึงเวลาแห้งแล้ง ใช้การจำศีล เอาชีวิตให้รอด ฝนตกก็เลิกจำศีล แสวงความรื่นรมย์ให้ชีวิต
กบ ใช้เวลาส่วนใหญ่บนดิน แฝงเร้นอยู่ในที่ชื้นใต้ก้อนหิน ใต้เศษใบไม้ อาศัยประสาทตา ในการจำแนก สนองตอบ ต่อสิ่งภายนอกรอบๆ ตัว
ประสาทตาเส้นหนึ่ง ตอบสนองต่อบริเวณที่มืดมิด หาที่ร่ม ซ่อนตัวจากผู้ล่า...เช่นนก
ประสาทตาอีกเส้นของกบ ใช้ในการจำแนกรูปร่างของโขดหินและพุ่มไม้ ไปมาในเขตอาศัย
กบ มักจะอยู่ประจำถิ่น รักแผ่นดิน แม้ไม่มีฝนตากยาวนาน ไม่เคยย้ายถิ่นหนี แต่ยังมีชีวิตรอดได้
กบ เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ที่มีอุณหภูมิภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม
กบหายใจ ได้ทั้งทางปอด และทางผิวหนังระหว่างการจำศีล กบจะหายใจด้วยปอดน้อยที่สุด แต่จะใช้ผิวหนังทำหน้าที่หายใจเป็นส่วนใหญ่
เมื่อวิกฤตการณ์แล้งมาถึง กบจะฝังตัวเองอยู่ในกระเปาะหนัง ซึ่งช่วยป้องกันตัวมันไม่ให้แห้งสนิท แล้วเริ่มหมกตัวลงไปในโคลน ด้วยการว่ายถอยหลัง จนกระทั่งจมหายลึกลงไปราว 30 ซม. จะหยุดนิ่ง เริ่มสร้างห้องใหญ่ โดยใช้เท้าสร้างผนังห้องให้แข็งแรง ขนาดสองเท่าของตัวมันไม่นาน มันจะหดตัวแนบกับอก พับขาเก็บอยู่ใต้ลำตัว ราวสองสัปดาห์ ผิวหนังชั้นนอกของกบจะหลุดออกเป็นแผ่นพังผืดกันน้ำ ปกคลุมทั่วตัว เว้นแต่รูจมูกเล็กๆ สองรู ไว้หายใจ
กบจะหมอบนิ่ง ไม่กินอาหาร และดึงไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมาใช้เพื่อประทังชีวิต การเต้นของหัวใจ ก็จะค่อยๆ ช้าลงๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับเพียงพอ ต่อการมีชีวิตรอด : อาการนี้ คือ “กบจำศีล”
กบจะหลับ รอ และรอ จนกว่าฤดูฝนคราวหน้า ซึ่งไม่รู้ว่า จะยาวนานเพียงใด
ข้อมูล : จากหลากหลายแหล่ง และ กิเลน ประลองเชิงไทยรัฐ 22 ก.พ. 2557 รวมทั้ง ประสบการณ์ตัวเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี