“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ยังคงชวนท่านทั้งหลายติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ “ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019” ที่ยังคงเพิ่มปริมาณผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด 3.02.2020 มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสนี้จำนวน 17,393 ราย ปรากฏว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสนี้เสียชีวิตทั้งสิ้น 362 ราย และขอเวลามีค่าสักนิดปลาบปลื้มกับความสามารถของแพทย์ไทยที่ค้นพบวิธีรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน ที่เข้ามาท่องเที่ยวไทยและเกิดอาการป่วยหนักให้อาการดีขึ้นได้ภายใน 48 ชั่วโมง โดยผลแล็บที่ตรวจสอบได้ผลเป็นลบ...
nn อ้าว!?!?! แล้วจะรออะไรกันครับประชาชนชาวไทยทั้งหลายละมือออกจากคีย์บอร์ด ปรบมือรัวๆ ดังๆ ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่านของไทยประจำโรงพยาบาลราชวิถีคือ “หมอเกรียงศักดิ์ อติพรวณิช กับหมอสืบสาย คงแสงดาว” โดยพร้อมเพรียงกันเถิด นี่คือความสำเร็จของมาตรฐานการแพทย์ของไทย และการแพทย์ของโลกก็ว่าได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังแผ่อานิสงส์ให้ “หมอหนู – อนุทิน ชาญวีรกูล”คนโตพรรคภูมิใจไทย คนนั่งเสนาบดีสาธารณสุข มีราศีนั่งฟังฝ่ายค้านซักฟอกในญัตติไม่ไว้วางใจอย่างมีภูมิคุ้มกันด้วย...
nn นั่นคือโรคร้ายจาก “เชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ที่ระบุว่าแพร่จากคนสู่คน จากนี้“ไม้หน้าสาม” จะแจกแจงโรคร้ายที่ชื่อ“ทุจริตคอร์รัปชั่น” จาก “เชื้อไวรัสโคตรโกง” บ้าง จากกรณีที่เคยเสนอข้อมูลมาหลายครั้ง ท้าทายนักการเมืองจากซีกฝ่ายค้านให้ยอมรับความอ่อนด้อยข้อมูลเอาไปซักฟอกรัฐบาลในการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น เหตุสำคัญที่ “ไต้ก๋งเรือแป๊ะ” อย่าง “ท่านลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ใช้เป็นตรรกะสำคัญทำรัฐประหารยึดอำนาจ “จ๊าดง่าวแม่ญิงสึ่งตึง - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จนต้องทุลักทุเลหัวซุกหัวซุนออกจากประเทศไทยทางช่องเดรัจฉานจรหรือช่องทางธรรมชาติไปกินอิ่มสุขสบายกับผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกเยี่ยงป้อ “อ้ายหน้าเหลี่ยม-ทักษิณ ชินวัตร”...
nn ความอัปยศกรณีเงินฝากของ “สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น” ถูกยักยอกออกไปจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนดินแดง เลขที่บัญชี 144-101918-9 จำนวนกว่า 431 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2554 เหลือเงินติดบัญชีแค่ 79,000 บาทเท่านั้น “ไม้หน้าสาม”ไล่เลียงที่มาที่ไปของเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพราะคดีนี้มีตัวละครสำคัญเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง นั่นคือ “เอกราช ช่างเหลา” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้จัดการสหกรณ์ครูขอนแก่น ล่าสุด คณะกรรมาธิการป.ป.ช. ที่มีอดีตบิ๊กตำรวจ “อ้ายตู่-พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” นั่งหัวโต๊ะประธานฯกมธ. ส่งเสียงโหวกเหวกโต้เถียงประดุจ “เจ๊กตื่นไฟ” ลงไม้ลงมือทำหน้าที่ปราบปรามพวกขี้โกงตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาผู้ทรงเกียรติเสียที โดยเรียก ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานชมรมสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น มาสอบถามถึงกลโกงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเตรียมเรียก ดร.อนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นคนปัจจุบัน รวมถึงเจ้าของสำนวน สภ.เมืองขอนแก่น มาให้ข้อมูลกมธ. ถึงบรรทัดนี้วรรคตอนนี้ต้องขออวยขอชื่นชมดร.วิศร์ที่ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์สมาชิกแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แถมยังต้องควักเงินทองส่วนตัวมาเดินเรื่องบินจากขอนแก่นมากรุงเทพฯ ยังคงยืนยันกับ “ไม้หน้าสาม” ว่า ต้องการรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก ทำงานนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีคำว่า “มวยล้ม...ต้มคนดู”ส่วนใครจะไปยอมความกับผู้กระทำผิด ทางชมรมเฝ้าติดตามอยู่อย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่อาจยอมความได้ คนที่กระทำผิดกฎหมายยักยอกลักขโมยทรัพย์ผู้อื่นไป พอถูกจับได้ไล่ทันแล้วเอาเงินมาคืน จะพ้นความผิดอาญาแผ่นดินไปได้อย่างไร “ไม้หน้าสาม” ขอนำคำถามนี้ปุจฉาถึง ดร.อนุศาสตร์ที่ออกแถลงการณ์ นัยว่าประธานสหกรณ์จะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อนำเงินทุกบาททุกสตางค์มาคืนให้สมาชิกจนครบ เรื่องนี้ขอให้สมาชิกสบายใจได้ เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องที่“ยอมความกันได้” และ “ยอมความไม่ได้ เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน” น่าสนใจยิ่งสำหรับท่าทีของประธานสหกรณ์ฯ ทว่า “ไม้หน้าสาม” กลับมองเห็นต่างจากดร.อนุศาสตร์อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมองเหลี่ยมไหนก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ “ยอมความไม่ได้” กรณีมีกระแสข่าวว่า “เอกราช ช่างเหลา” ประสานสหกรณ์ฯ โดยยอมรับว่าทำให้สหกรณ์ฯเสียหาย และยินดีที่จะชดใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้สหกรณ์ฯ พร้อมนำหลักทรัพย์ที่ดินมาค้ำประกัน อย่างนี้คือ “เรื่องที่พูดคุยหรือยอมกันได้กระนั้นหรือ???” คงต้องจับตาเฝ้าดูกันอย่างใกล้ชิดต่อไป นอกจากเงินจำนวนกว่า 400 ล้านบาทที่ล่องหนไป ยังมีเรื่องการบริหารงานมิชอบนำเงินไปลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับ 5 เสือ ที่ทำให้สหกรณ์ฯเสียหาย...
nn “สมุนไพรภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย” อันล้ำค่า ถึงนาทีนี้หน่วยงานที่มีหน้าที่อนุรักษ์ส่งเสริมไม่ประสา เดินลุยถั่วส่งเสริมหมอสมุนไพรจอมปลอมจนเป็นข่าวขายขี้หน้าประชาชนไปทั้งประเทศแต่กับหมอที่มีผลงานการรักษาโรคร้ายต่างๆ ด้วยสมุนไพร ก็ไม่ส่งเสริมเฉกเช่น “หมอเณร - ชัยรัตน์ นนทชัย” เป็นแผลเบาหวานเน่าแพทย์ลงความเห็นต้องหั่นต้องตัดขาแขนนิ้วทิ้ง แต่หมอเณรใช้สมุนไพรปรับธาตุไฟในร่างกายผู้ป่วยจนรักษาหาย ไม่ต้องตัดต้องหั่น เยี่ยงนี้คนในกองกรมกระทรวงทบวงกลับเมินเฉยไม่ส่งเสริม ประสาคนมีวิชาความรู้ก็อยากแทนคุณแผ่นดิน ช่วยผู้ป่วยให้ทุเลา หายได้ไม่ต้องตัดหั่นส่วนใดส่วนหนึ่งทิ้งกลายเป็น “ผู้พิการ” ก็ต้องนำความไปฟ้องร้องศาลฯแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย เพราะชาวบ้านไปสู้รบกับหน่วยงานรัฐก็มีแต่พังกับพัง ผิดกับนิติกรหน่วยงานมีกระสุนดินดำสู้รบกับชาวบ้านสบายมือ ซึ่งเงินเหล่านั้นมันก็ล้วนแต่เป็นภาษีประชาชน น่าเศร้าใจไหม อย่างไรคนที่มีเงินถุงเงินถังจะเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องรักษาภูมิปัญญาบรรพบุรุษ หมอเณรบอกว่ายินดียิ่งที่จะ “ขายสูตรตำรับยาสมุนไพร” สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้หลายตำรับด้วยกัน วันนี้ต้องออกไปสู้รบ จำเป็นต้องมีเงินต่อสู้คดีความ หมอเณรยืนยันว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติ เพราะหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ส่งเสริม ซ้ำร้ายยังขาดความเข้าใจในการแพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาสมบัติล้ำค่าคู่แผ่นดินจะต้องเป็นที่พึ่งที่หวังของคนไทยสืบไป“ไม้หน้าสาม”ย้ำอีกครั้งแบบต้องไม่พูดอะไรมาก เคยเสนอข้อมูลมาหลายครั้งหลายครา พูดบ่อยก็เหมือนเห่าหอนเจ็บคอป่าว “ภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย สมุนไพรกู้วิกฤติเศรษฐกิจชาติ” ได้แน่นอน
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี