ก็คงไม่ต้องตีฆ้องร้องป่าวกันอีก กับศึกซักฟอก เพราะทางฝ่ายค้าน ได้ยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล จำนวน 6 คนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา และยังไม่รู้ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะกำหนดวันอภิปรายวันไหน เพราะต้องไปถามความพร้อมของรัฐบาลก่อน
สำหรับรัฐมนตรีที่ต้องขึ้นเขียง คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ 6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยไม่มีรายชื่อรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
นักวิชาการก็มองว่า ฝ่ายค้านเน้นเจาะยางในส่วนของพรรคพลังประชารัฐและเครือข่าย เพราะหากมีพลิกล็อกนายกรัฐมนตรีลาออก อาจจะมาจับมือกับพรรคที่ไม่ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจัดตั้งรัฐบาลก็ได้
แต่บางฝ่ายก็มองว่ายุทธศาสตร์ของฝ่ายค้านผิดพลาดเพราะเน้นเฉพาะพลังประชารัฐพรรคเดียว ส่วนพรรคอื่นๆ นั้นทำงานได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองอย่างนั้นหรือ!!!
ครับ ก็สูตรใครสูตรมัน สถานการณ์ในตอนนี้ประชาชนไม่ได้สนใจว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ แต่เป็นห่วงในเรื่องไวรัสมรณะโคโรนามากกว่า
ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการอภิปรายไว้หลายวันก่อนวันนี้ขอนำมาย้ำอีกหนว่า
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดการอภิปรายไว้หลายลักษณะ อาทิ มาตรา 151 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิ์เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็น
รายบุคคลหรือคณะ (รัฐบาลจะชิงยุบสภาหนีญัตติดังกล่าวไม่ได้)
มาตรา 152 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิ์เข้าชื่อเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ
มาตรา 153 สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิ์เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
มาตรา 154 ระบุทั้ง 3 มาตราดังกล่าวให้กระทำได้ปีละหนึ่งครั้ง
ส่วนมาตรา 155 ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศสมควรที่จะปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภา ขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้ ในกรณีนี้ประธานรัฐสภาต้องดำเนินการให้มีการประชุมภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง แต่รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้
กับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ และของโลก โดยเฉพาะไข้หวัดโคโรนาที่กำลังระบาดหนัก ควรจะใช้ยุทธการตามมาตรา 155 จะดีกว่าเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศสมควรที่จะปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี
เมื่อผ่านจุดนี้ไปแล้วจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ค่อยมาว่ากันอีกที กรณีที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วก็ไม่เป็นไรและยื่นใหม่ ใช้มาตรา 155 ลัดคิวขึ้นมาอภิปรายก่อนเพราะประเทศชาติจะได้ประโยชน์มากกว่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี