ขบวนการโกงข้าวจีทูจีในยุครัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นั้น ราวกับผีปอบที่กัดกินไส้พุงโครงการจำนำข้าว
ในที่สุด โครงการก็พังพาบ ขาดทุนไส้ในมหาศาล รัฐบาลต่อๆ มาต้องตามใช้หนี้หลายแสนล้านบาท
ส่วนคนโกงก็ติดคุกติดตะรางกันไปบ้าง หนีไปบ้าง
ยังลอยนวล ลอยหน้าลอยตาอยู่บ้าง
1. ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้จำเลยบางส่วนร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
ยังไม่นับคดีโกงข้าวจีทูจีลอตสอง ที่ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.
ตัวละครส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกัน ปฏิบัติการต่อเนื่องกัน
2. กลโกงข้าวจีทูจียุคนั้น ทำให้ใครเป๋าตุงอย่างไร?
ไล่ตั้งแต่เสนอแผนยุทธศาสตร์ขายข้าวจีทูจีกันแบบเก๊ๆ ก่อนเริ่มโครงการไม่กี่วัน
แถมไม่เอาเข้าที่ประชุมนโยบายข้าว
ก่อนเริ่มโครงการจำนำข้าวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2554 เร่งทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจีไปจำนวน 2 สัญญา อย่างรีบร้อน เป็นการขายล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ได้ซื้อข้าวมาจากชาวนา
ข้าวยังอยู่ในแปลงนาของชาวนาด้วยซ้ำ แต่มันตกลงขายจีทูเจี๊ยะในราคาถูกกว่าท้องตลาดให้พ่อค้าไว้ก่อนแล้ว
หลังจากนั้น ทำสัญญาจีทูจีโดยทุจริตเพิ่มอีก 6 ฉบับ รวมเป็น 8 ฉบับ ปริมาณรวมกว่า 20 ล้านตัน
ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
มีการแก้ไขสัญญากันหลายครั้ง
เอกชนได้ประโยชน์ รัฐเสียประโยชน์
ยังไม่นับคดีเอื้อประโยชน์ให้เอกชนปรับปรุงข้าวส่งมอบให้อินโดนีเซีย (BULOG) คดีระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบรรจุถุง(ข้าวถุง) คดีระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) จีทูจีโดยมิชอบ ฯลฯ
3. ปิดทางโกงข้าวจีทูจี ปิดประตูตาย?
การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติในการเจรจาและการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
เนื้อหาสาระกำหนดแนวทางปฏิบัติในการเจรจาและการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (Government to Government G to G) เพื่อให้การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับการค้าข้าวของประเทศในปัจจุบัน และปิดประตูกลโกงแบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ไว้ด้วย
ข้อเสนอนี้ มาจากมติของ นบข. ในคราวประชุม 6 ธันวาคม 2562
สอดคล้องกับแนวทางข้อเสนอแนะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอเรื่อง “มาตรการป้องกันการทุจริต กรณีการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐจากโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ” ที่ครม.เคยเห็นชอบไปแล้ว
สรุปประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
3.1 หลักการสำคัญในการเจรจาและทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G
การเจรจาและทำสัญญา รัฐบาลของประเทศคู่เจรจาและทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทยจะต้องเป็นหน่วยงานรัฐบาลหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดำเนินการแทนรัฐบาลเท่านั้น เว้นแต่หน่วยงานผู้แทนรัฐบาลของประเทศผู้ซื้อบางประเทศที่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการเจรจาและทำสัญญาซื้อขายข้าวเพียงหน่วยงานเดียวโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งในวงการค้าข้าวทั้งในและต่างประเทศจะทราบดีว่าคือหน่วยงานใด กรณีหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายของรัฐบาลประเทศผู้ซื้อเป็นหน่วยงานนอกเหนือจากหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายของรัฐบาลประเทศผู้ซื้อไม่เคยซื้อขายข้าวแบบ G to G กับรัฐบาลไทยมาก่อน มีหนังสือแจ้งความประสงค์ขอซื้อข้าวแบบ G to G จากรัฐบาลไทย กรมการค้าต่างประเทศจะต้องประสานสอบถามกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วย
การชำระเงิน ต้องเป็นการชำระเงินระหว่างประเทศ เช่น การเปิด Letter of Credit (L/C) และการโอนเงินระหว่างประเทศ (Telegraphic Transfer : T/T) เป็นต้น ซึ่งจะต้องสามารถตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าวได้ โดยมีเอกสารหลักฐานจากธนาคารทั้งของไทยและธนาคารที่ประเทศคู่ค้าใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินดังกล่าว
การส่งมอบข้าว รัฐบาลไทยจะต้องส่งข้าวออกไปจากประเทศไทยจริง ซึ่งมีหลักฐานที่สำคัญคือใบอนุญาตให้ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรแบบ อ.2 (สินค้าข้าว) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศ โดยต้องระบุว่าเป็นการส่งออก “ข้าวรัฐบาล” เนื่องจากข้าวเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกตามประกาศ พณ.
3.2 ขั้นตอนในการเจรจาและทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G
การซื้อขายข้าวแบบ G to G โดยทั่วไปจะเริ่มจากรัฐบาลประเทศผู้ซื้อแจ้งความประสงค์ขอซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยโดยมีหนังสือถึง พณ. หรือกรมการค้าต่างประเทศโดยตรง หรือมีหนังสือผ่านทาง กต. หรือช่องทางการทูต ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศสามารถประสานสอบถาม กต. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อีกทางหนึ่ง เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้รับเรื่องดังกล่าวแล้วจะประสานสอบถามรายละเอียด อาทิ ชนิดข้าว ปริมาณ และเงื่อนไขการส่งมอบ เป็นต้น กับหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายของรัฐบาลประเทศผู้ซื้อเบื้องต้นก่อนและจะเสนอเรื่องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจพิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจาหรือกรอบการเสนอราคาประมูลขายข้าวก่อนดำเนินการต่อไป
ในการเจรจาซื้อขายข้าว รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะเจรจาภายใต้กรอบที่ได้รับความเห็นชอบ จนกระทั่งสามารถตกลงราคาและรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ในร่างสัญญาได้แล้ว ซึ่งข้อกำหนดหลักในสัญญาประกอบด้วย ชนิดข้าว คุณลักษณะข้าว ปริมาณ ราคา เงื่อนไขการส่งมอบ กำหนดส่งมอบ การชำระเงิน ข้อกำหนดเกี่ยวกับกระสอบบรรจุข้าว การตรวจสอบคุณภาพข้าว การระงับข้อพิพาทและกฎหมายที่บังคับใช้ เป็นต้น หลังจากนั้นกรมการค้าต่างประเทศจะต้องเสนอร่างสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G ดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาก่อนลงนามต่อไป
3.3 การเปิดเผยข้อมูลในสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G
ข้อมูลในสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากข้าวเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลหลายประเทศ การเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดในสัญญา นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลประเทศผู้ซื้อรายอื่นยังทำให้รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการเจรจาได้ ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศจะพิจารณาเปิดเผยข้อมูลในสัญญาซื้อขายข้าวแบบ G to G บางส่วน เช่น ชนิดข้าว ปริมาณ และกำหนด
ส่งมอบ เป็นต้น ที่สามารถเปิดเผยได้ตามความเหมาะสมโดยไม่ขัดต่อข้อกำหนดในสัญญาและไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศผู้ซื้อ
4. แนวทางที่กำหนดออกมาเช่นนี้ ก็เหมือนเส้นวงด้ายสายสิญจน์ ที่มีไว้ป้องกันผีร้าย ผีปอบ หรืออสูรกายที่อาจจ้องจะเข้ามาเขมือบกินตับไตไส้พุงประเทศ ผ่านการทุจริตข้าวจีทูจีแบบที่เคยทำมาแล้ว
แต่จะป้องกันได้ตลอดไปหรือไม่ ปัจจัยสำคัญก็ขึ้นอยู่กับความรู้เท่าทันของประชาชนเจ้าของประเทศด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี