สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ สำหรับปัญหาเศรษฐกิจไทยที่กำลังทรุดหนักเพราะหลายโรคเข้ามารุมเร้าประเทศไทยในปี 2563 นี้ปัญหาหนักข้อแรกคือสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดโรคไวรัสโคโรนามีคนป่วยและเสียชีวิต ร้อยละ 2 ของคนป่วยหลายหมื่นคน ทำให้ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ต้องออกคำสั่งปิดประเทศคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าเพื่อไม่ให้โรคร้ายแพร่ออกไปตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก WHO
ปัญหานี้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยถึงร้อยละ 30ของรายได้ประชาชาติหรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ขึ้นไปเลยทีเดียวเพราะไทยกับจีนมีการค้าที่นำเข้าและส่งออกถึงร้อยละ 20 และมีรายรับจากนักท่องเที่ยวจีนถึงปีละกว่า 400,000 ล้านบาท ปัญหาที่ 2 คือ พระราชบัญญัติงบประมาณปี 2563 ที่งบลงทุนปีละ 600,000 ล้านบาท ออกล่าช้าเพราะเรื่องสส.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันเองแท้ๆ ทำให้ต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด
ปัญหาที่ 3 มาจากปีที่แล้วลามมาถึงปีนี้ 2563 เนื่องมาจากภัยแล้งฝนฟ้าไม่ตกในปี 2562 ทำให้น้ำน้อยทั่วประเทศ เกษตรกรไม่มีน้ำพอในการอุปโภคบริโภคไม่สามารถปลูกพืชในฤดูแล้งได้เหมือนปีก่อนๆ ยังผลให้รายได้ของครัวเรือนเกษตรกรลดลง ปัญหาที่สืบเนื่องต่อมาก็คือกำลังซื้อในภาคเกษตรลดปริมาณลงทำให้สินค้าของภาคอุตสาหกรรมพลอยขาดรายได้ตามลงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาข้อที่ 4 ที่สืบเนื่องมาจากปัญหาข้อที่ 1 และ 3 นั่นคือปัญหาฝุ่นละอองมลภาวะจากฝุ่น PM2.5 ที่มาจากปัญหาในเชิงโครงสร้างเพราะไทยใช้รถยนต์พลังงานดีเซลมาก ประกอบกับเกษตรกรไทยและเกษตรกรเพื่อนบ้านเผาไร่นา ทำให้มีควันแผ่ไปทั่วประเทศทำให้เกิดมลภาวะในทุกๆ ภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง จะไปห้ามเกษตรกรเผาไร่นาคงทำได้ยากเพราะต้นทุนนี้ต่ำที่สุดการจะไปใช้การจ้างแรงงานตัดคงเป็นไปไม่ได้
วิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำตามหลักวิชาการของปรมาจารย์เศรษฐศาสตร์มหภาค ลอร์ด เตนส์ ของสหราชอาณาจักร ได้เคยเสนอไว้มากกว่า 70 ปี มาแล้วก็คือรัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าไปให้ฐานเศรษฐกิจทั่วประเทศ กรณีเมืองไทยน่าจะใช้เงินสดๆ ประมาณ 2.5 ถึง 3 ล้านล้านบาทแม้จะเป็นยาแรงที่จำต้องใช้เม็ดเงินมากมายรัฐบาลก็ต้องทำโดยเร็วจะชักช้าเป็นเต่าคลานไม่ได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งต้องยอมลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือร้อยละ 1 เท่านั้น
เมื่อเศรษฐกิจมหภาคมีเงินมากพอเพียงในการหล่อเลี้ยงทุกๆ ภาคเศรษฐกิจแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายหนักในแบบปี 2540 ก็จะไม่เกิดขี้นมาซ้ำอีก อย่าลืมว่าประเทศมีกองทุนเงินตราสำรองถึง 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 6.68 ล้านล้านบาท ไม่เหมือนเหตุการณ์ในปี 2540 ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นออกมาโจมตีรัฐบาลนั้นขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าไปสนใจให้มากไปนักเลย
ขอให้เดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศต่อไปแบบเต็มกำลังและเต็มสติปัญญาของรัฐบาล พวกฝ่ายแค้นนั้นล้วนเป็นพวกทาสรับใช้นักการเมืองจอมโกงพวกเขาไม่กล้ากลับมาสู้คดีอาญา แน่จริง นายทักษิณกล้ากลับมาขึ้นศาลและกล้าเข้าไปรับโทษในเรือนจำแบบคนอื่นๆ ทั่วไปไหมล่ะหรือดีแต่พูด ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี